รัฐบาลจีนเผยข้อมูลประชาชนมีการใช้จ่ายภายในประเทศมากถึง 7,500 ล้านดอลลาร์ (ราว 274,050 ล้านบาท) ระหว่างวันหยุดเทศกาลเช็งเม้ง 4-6 เมษายน เพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนโรคโควิด-19 ระบาด นักวิเคราะห์ชี้ว่า นี่คือสิ่งบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นอันแข็งแกร่งขึ้นของผู้บริโภค และเป็นสัญญาณดีสำหรับเศรษฐกิจแดนมังกรที่อยู่ในภาวะซบเซา
ตามประเพณีเทศกาลเช็งเม้งนั้นชาวจีนมีการเดินทางไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่สุสาน ซึ่งมักตั้งอยู่ในเมืองบ้านเกิด
บันทึกการวิจัยของบริษัทหลักทรัพย์ ซิโนลิงก์ซิเคียวริตีส์ (Sinolink Securities) เมื่อวันอาทิตย์ (7 เม.ย.) ระบุว่า ชาวจีนมีการใช้จ่ายต่อหัวในระหว่างเทศกาลเช็งเม้งปีนี้ จำนวน 435 หยวน (ราว 2,175 บาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 จากเมื่อ 5 ปีก่อนคือในปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 นับเป็นการฟื้นตัวเกินคาด นอกจากนั้น ยังเป็นการใช้จ่ายต่อหัวที่สูงกว่าเทศกาลวันหยุดอื่นๆ นับตั้งแต่จีนยกเลิกมาตรการควบคุมเข้มงวดโรคโควิด-19 เมื่อปลายปี 2565 อีกด้วย
นักวิเคราะห์รายอื่นระบุว่า ข้อมูลการใช้จ่ายล่าสุดนี้อาจถือเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับการบริโภคในจีน ซึ่งที่ผ่านมายังไม่สามารถฟื้นตัวได้ตามเป้าหมาย ภายหลังยกเลิกมาตรการควบคุมโควิด-19 เนื่องจากผลกระทบของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ตกต่ำ การว่างงานสูงในหมู่คนหนุ่มสาว และความวิตกกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงในอาชีพการงานในท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
เบ็น คาเวนเดอร์ กรรมการผู้จัดของบริษัทไชน่ามาร์เก็ตรีเสิร์ชกรุ๊ป ในเซี่ยงไฮ้ ระบุว่า คนทำงานในออฟฟิศเริ่มรู้สึกว่า สถานการณ์ตลาดกำลังดีขึ้น จึงยินดีใช้จ่ายมากกว่าเดิม นอกจากนั้น การที่มีบางบริษัทเริ่มมองหาหนทางขยายธุรกิจในจีนอีกครั้ง หลังจากชะงักการลงทุนมาหลายปี ก็มีส่วนช่วยทำให้บรรยากาศดีขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้ รอยเตอร์เคยมีการคำนวณโดยอาศัยตัวเลขของรัฐบาลจีนว่า การใช้จ่ายการเดินทางเฉลี่ยต่อเที่ยวในช่วงเทศกาลตรุษจีนเดือน ก.พ.ปีนี้ ลดลงร้อยละ 9.5 จากเมื่อปี 2562 จึงทำให้นักวิเคราะห์มองกันว่า ภาวะการบริโภคที่ตกต่ำในจีนจะยังคงเกิดขึ้นต่อไป
ที่มา : รอยเตอร์/ฟอร์จูน