สวีเหว่ยเติมเต็มความปรารถนาสุดท้ายของปู่ผู้ล่วงลับด้วยการฝังอัฐิของเขาไว้ใต้ต้นไม้ที่ติดป้ายชื่อและคำจารึก ล้อมรอบด้วยแมกไม้เขียวขจีบนเนินเขาอันเงียบสงบของสุสานสาธารณะในเมืองอู๋ซี มณฑลเจียงซูทางตะวันออกของจีน โดยสวีกล่าวว่า นี่เป็นการพาปู่กลับคืนสู่ธรรมชาติด้วยการเป็นส่วนหนึ่งของต้นไม้
เทศกาลชิงหมิง หรือเช็งเม้งตรงกับวันพฤหัสบดี (4 เม.ย.) ในปีนี้ จัดเป็นเทศกาลดั้งเดิมของจีนที่อุทิศให้ผู้ล่วงลับและเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนจะเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อกราบไหว้บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ โดยสุสานสาธารณะทั่วจีนได้ต้อนรับผู้มากราบไหว้บรรพบุรุษเหมือนสวี ผู้เดินทางมาวางดอกไม้ที่ต้นไม้เพื่อรำลึกถึงปู่ของเขา
แนวคิดการฝังศพเชิงนิเวศมีเป้าหมายนำพาผู้ล่วงลับกลับคืนสู่ธรรมชาติและกำลังได้รับความนิยมในหมู่ชาวจีนเพิ่มขึ้น โดยเมื่อปี 2016 กระทรวงกิจการพลเรือนของจีนออกแนวปฏิบัติส่งเสริมการฝังศพเชิงนิเวศ ซึ่งสนับสนุนประชาชนฝังอัฐิ หรือศพด้วยวิธีต่างๆ เช่น การฝังใต้ต้นไม้ และการลอยศพในทะเล
อู๋หลีต้ง หัวหน้าสุสานแห่งหนึ่งในเมืองอู๋ซี เผยว่ามีการซักถามเกี่ยวกับการฝังศพเชิงนิเวศเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในทุกวันนี้ แตกต่างจากอดีตที่ผู้คนบางส่วนเชื่อว่าขนาดของสถานที่ฝังศพสะท้อนระดับความเคารพต่อผู้ล่วงลับ โดยอู๋เสริมว่าการเลือกฝังศพเชิงนิเวศไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีความเชื่อเก่าว่าการจัดงานศพอย่างยิ่งใหญ่แสดงถึงความกตัญญูของลูกหลาน
การฝังศพเชิงนิเวศในจีนประกอบด้วยรูปแบบต่างๆ เช่น การฝังในสนามหญ้า การฝังในแปลงดอกไม้ รวมถึงการฝังใต้ต้นไม้ ซึ่งใช้พื้นที่เพียงเล็กน้อย ส่วนการลอยศพในทะเลและการบรรจุใส่โกศที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพในทะเล ซึ่งไม่เปลืองพื้นที่ใดๆ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมเช่นกัน
นอกเหนือจากเรื่องสิ่งแวดล้อมและความปรารถนาจะอยู่ร่วมกับธรรมชาติมากขึ้น การส่งเสริมการฝังศพเชิงนิเวศยังได้แรงผลักดันจากปัจจัยเชิงปฏิบัติบางประการ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนระบุว่า จีนมีผู้เสียชีวิตในปี 2023 ราว 11 ล้านคน หากหลุมฝังศพแต่ละหลุมถูกจำกัดไว้ที่ 1 ตารางเมตร ส่งผลให้ต้องใช้ที่ดินมากกว่า 10 ตารางกิโลเมตร
เมื่อเดือนเมษายนปีก่อน เจียงซูได้ออกข้อบังคับใหม่ด้านการจัดการสุสานสาธารณะ ซึ่งกำหนดว่าการฝังศพเชิงนิเวศควรใช้พื้นที่อย่างน้อยร้อยละ 30 ของที่ดินทั้งหมดในสุสานที่สร้างขึ้นใหม่
ขณะเดียวกัน มีการดำเนินมาตรการจูงใจการฝังศพเชิงนิเวศจากรัฐบาลในหลายภูมิภาค โดยเจียงซูจัดสรรเงินอุดหนุนการฝังศพเชิงนิเวศราว 180 ล้านหยวน (ราว 900 ล้านบาท) ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ด้านกรุงปักกิ่งจัดสรรเงินอุดหนุนครอบครัวที่เลือกลอยศพในทะเลสาธารณะ จำนวน 4,000 หยวน (ราว 20,000 บาท)
เก้าเว่ย ผู้อำนวยการแผนกบริหารจัดการงานศพในเมืองสวีโจวของเจียงซู ระบุว่าวิธีฝังศพแบบใหม่เหล่านี้สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของแนวคิดการจัดการศพของผู้คน ซึ่งช่วยให้ผู้ล่วงลับได้กลับคืนสู่ธรรมชาติและยังคงรักษาจิตวิญญาณของพวกเขาเอาไว้ในใจของลูกหลาน
เกาเสริมว่า การฝังศพเชิงนิเวศเพิ่มพื้นที่สีเขียวมากกว่าและมีมาตรฐานพิธีกรรมฝังศพที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับการฝังศพแบบดั้งเดิม โดยพิธีกรรมต่างๆ เช่น การอ่านบทกวีและการมอบดอกไม้หน้าหลุมศพ สามารถสร้างบรรยากาศที่ทั้งศักดิ์สิทธิ์และอบอุ่นใจให้ครอบครัวของผู้เสียชีวิต
เฉียนชิงเยี่ยน เจ้าหน้าที่สำนักกิจการพลเรือนในเมืองอู๋ซี ระบุว่าการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการดูแลผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นผ่านการศึกษาวัฒนธรรมชีวิต ส่งผลให้ผู้คนจำนวนมากตระหนักได้ว่าพวกเขาควรแสดงความรักและดูแลเอาใจใส่ผู้สูงอายุเหล่านี้มากขึ้นในขณะที่พวกเขายังมีลมหายใจ
ที่มา/ภาพ สำนักข่าวซินหัว