ประธานาธิบดี สี จิ้นผิงเรียกร้องความสัมพันธ์จีนกับสหรัฐอเมริกาที่ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นในระหว่างการพบปะพูดคุยกับเหล่านักธุรกิจชั้นนำ ตัวแทนชุมชนด้านยุทธศาสตร์และวิชาการของสหรัฐฯ ในกรุงปักกิ่ง
ตามรายงานของสำนักข่าวซินหัว ซึ่งเป็นสื่อของทางการจีน ประธานาธิบดีสีกล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในความสัมพันธ์ทวิภาคีที่มีความสำคัญมากที่สุดในโลก ไม่ว่าจีนและสหรัฐฯ จะร่วมมือหรือเผชิญหน้ากันก็ตามล้วนส่งผลต่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนทั้งสองฝ่าย ตลอดจนอนาคตและชะตากรรมของมนุษยชาติ
นอกจากนั้น ประธานาธิบดีสียังระบุว่า จีนกำลังวางแผนและดำเนินชุดมาตรการสำคัญเพื่อการปฏิรูปอย่างลึกซึ้งครอบคลุม ส่งเสริมสภาพแวดล้อมทางธุรกิจระดับโลกที่มุ่งเน้นตลาด บนพื้นฐานของกฎหมาย และมีความเป็นสากล ตลอดจนจัดหาพื้นที่สำหรับการพัฒนาธุรกิจระหว่างประเทศ รวมถึงบริษัทของสหรัฐฯ ให้กว้างขวางขึ้น ผู้นำจีนได้ขอให้สหรัฐฯทำงานร่วมกับจีนไปในทิศทางเดียวกัน
การพบปะครั้งนี้จัดขึ้นท่ามกลางความสัมพันธ์ระหว่างชาติมหาอำนาจทั้งสอง ที่ปรับปรุงดีขึ้นตามลำดับ หลังจากเคยตกต่ำสุดในรอบหลายปี จากปัญหาการแข่งขันด้านการค้าและเทคโนโลยี ปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ในประเด็นไต้หวันและทะเลจีนใต้ ตลอดจนปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนในฮ่องกง ทิเบต และซินเจียง โดยประธานาธิบดีสี ซึ่งสื่อตะวันตกมองว่า เป็นผู้นำชาตินิยม ได้ส่งสารในเชิงบวกต่อฝ่ายผู้นำภาคธุรกิจสหรัฐฯ แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอย่างหนักหน่วง อีกทั้งกล่าวหาจีนในหลายเรื่อง เช่น การใช้อิทธิพลจนเกินควรของพรรคคอมมิวนิสต์จีน การตั้งกำแพงการค้าอย่างไม่เป็นธรรมและการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ
ด้านแถลงการณ์ของสภาธุรกิจสหรัฐฯ-จีน ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ระบุว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้พูดคุยกับผู้นำระดับสูงของจีน เพื่อหารือในเรื่องการค้าการลงทุนและความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่ถดถอย สภาธุรกิจยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญในการปรับสมดุลเศรษฐกิจจีนด้วยการเพิ่มการบริโภคในประเทศ ควบคู่กับการส่งเสริมการแก้ไขข้อวิตกกังวลของภาคธุรกิจอเมริกันในเรื่องการส่งข้อมูลข้ามพรมแดน การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา ตลอดจนความโปร่งใสและคาดการณ์ได้ในการออกกฎระเบียบต่าง ๆ
ด้านผู้เชี่ยวชาญของจีนมองการพบปะกันที่หายากเช่นนี้ว่า เป็นการส่งสัญญาณจากจีนที่คาดหวังให้มีการปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างชาติทั้งสองต่อไป หลังจากการประชุมสุดยอดที่นครซานฟรานซิสโกระหว่างประธานาธิบดีสี และประธานาธิบดีโจ ไบเดนเมื่อเดือนพ.ย. ปี 2566 นอกจากนั้น ยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของจีนในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น
การพบปะหารือจัดขึ้นเมื่อวันพุธ ( 27 มี.ค.) ใช้เวลาประมาณ 90 นาที มีบริษัทอเมริกันราว 20 แห่งได้รับเชิญ ผู้นำภาคธุรกิจที่เข้าร่วม อาทิ นายสตีเฟ่น เอ. ชวาร์ซแมน มหาเศรษฐี ประธานและซีอีโอของบริษัทการลงทุนแบล็กสโตนกรุ๊ป อีวาน กรีนเบิร์ก ประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน คริสเตียโน อามอน ประธานและซีอีโอของบริษัทควอลคอมม์ เกรแฮม อัลลิสัน คณบดีผู้ก่อตั้งวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเคนเนดี้ และเคร็ก อัลเลน ประธานสภาธุรกิจสหรัฐฯ-จีน
ที่มา : โกลบอลไทมส์ / เอพี / รอยเตอร์