เซินเจิ้นนครศูนย์กลางเทคโนโลยีทางภาคใต้ของจีนนั่งนับเงินไม่หวาดไม่ไหว จากยอดส่งออกสินค้าในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2567 ที่พุ่งมโหฬาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดส่งออกไปสหรัฐอเมริกา ทั้งๆ ที่บริษัทระดับบิ๊กสายเลือดมังกรบางแห่งยังถูกรัฐบาลแดนลุงแซมคว่ำบาตรอยู่ก็ตาม
ตามรายงานของสำนักงานศุลกากรเซินเจิ้น การค้ากับต่างชาติในช่วงเดือน ม.ค. และ ก.พ. ของนครแห่งนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 45 เป็น 675,180 ล้านหยวน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 53.1 เป็น 441,400 ล้านหยวน ส่วนการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.9 เป็น 233,740 ล้านหยวน
บริษัทเอกชนในเซินเจิ้นทำการค้ากับต่างชาติเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 72.4 เป็น 483,600 ล้านหยวน คิดเป็นร้อยละ 71.6 ของปริมาณการค้าทั้งหมดของเมือง
การค้ากับกลุ่มอาเซียน 10 ชาติ เพิ่มขึ้นร้อยละ 58.1 เป็น 106,920 ล้านหยวน คิดเป็นร้อยละ 15.8 ของปริมาณการค้าทั้งหมดของเมือง ทำให้อาเซียนกลายเป็นคู่ค้ารายใหญ่สุดของเซินเจิ้น รองลงมาได้แก่ฮ่องกง สหรัฐฯ ยุโรป และไต้หวัน โดยยอดส่งออกไปสหรัฐฯ นั้นเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 62.4 ยุโรปเพิ่มร้อยละ 20.9 แต่สำนักงานศุลกากรเซินเจิ้นไม่ระบุมูลค่าการส่งออก
การค้ากับชาติที่เข้าร่วมในโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางเพิ่มขึ้นร้อยละ 57.8 เป็น 249,100 ล้านหยวน
เซินเจิ้นส่งออกผลิตภัณฑ์เครื่องกลและไฟฟ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.2 เป็น 295,500 ล้านหยวน คิดเป็นร้อยละ 66.9 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของเซินเจิ้น
เซินเจิ้นเป็นเมืองส่งออกอันดับต้นๆ ของจีน และเป็นที่ตั้งของบริษัทเอกชน 2 ล้าน 1 หมื่นแห่ง เป็นบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมมากกว่าร้อยละ 99 หัวเว่ยเทคโนโลยีบริษัทผู้นำด้านโทรคมนาคม เทนเซ็นต์บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี บีวายดีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำ และดีเจไอบริษัทผู้ผลิตโดรนระดับแถวหน้าล้วนมีฐานอยู่ที่นี่ แต่สงครามเทคโนโลยีระหว่างปักกิ่งกับวอชิงตัน ทำให้รัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน ขึ้นบัญชีดำห้ามขายชิปให้กับหัวเว่ย ดีเจไอ คอรัดเทคโนโลยี (Corad Technology) คอบเบอร์ (Cobber) ซึ่งเป็นซัปพลายเออร์เทคโนโลยีการจดจำใบหน้า และอีกหลายบริษัท
นักวิเคราะห์มองว่า การค้าขายที่พุ่งทะยานอาจส่งสัญญาณที่ดีว่า เศรษฐกิจแดนมังกรในปี 2567 จะขยายตัวได้ถึงราวร้อยละ 5 ตามเป้าหมายของรัฐบาลจีนในท่ามกลางอุปสรรคด้านภูมิรัฐศาสตร์และมาตรการของสหรัฐฯ ที่จำกัดจีนในการนำเข้าเทคโนโลยีชาติตะวันตก
การทำสัญญาที่ไหลบ่าเข้ามาจำนวนมากกับชาติในโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีนและความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าเป็นปัจจัยหนุนให้การส่งออกของเซินเจิ้นพุ่งกระฉูด โดยแค่บีวายดีบริษัทเดียวส่งออกรถยนต์ไฟฟ้า 36,700 คันในช่วงเดือน ม.ค. และ ก.พ. เพิ่มขึ้นรอยละ 47.22 จากการเปิดเผยของผู้จัดการค่ายรถแห่งนี้
นักวิเคราะห์บางคนระบุว่า ข้อมูลการค้าในช่วงต้นปีที่น่าพอใจ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากฐานตัวเลขการส่งออกที่ค่อนข้างอ่อนแอในปีที่แล้ว
นายเผิง เผิง ประธานบริหารของสมาคมปฏิรูปกว่างตง (กวางตุ้ง) ประทับใจที่เห็นการส่งออกไปสหรัฐฯ ดีดตัวสูง เพราะตามปกตินั้นถ้าการส่งออกไปอาเซียนขยายตัว การส่งออกไปสหรัฐฯ มักจะลดลง การส่งออกที่ฟื้นตัวน่าจะเพิ่มความเชื่อมั่นให้ภาคธุรกิจ และอาจบ่งชี้ว่า ผลกระทบจากการที่ชาติตะวันตกพยายายามย้ายห่วงโซ่อุปทานจากจีนยังเกิดขึ้นไม่มากนักในระยะสั้น โดยจากนี้ไปต้องรอดูว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิรัฐศาสตร์อย่างไรบ้าง ภายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และสงครามรัสเซีย-ยูเครน
ที่มา : ซินหัว/เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์