การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในปลายปีนี้จะเป็นการชิงชัยระหว่างนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนปัจจุบันจากพรรคเดโมแครต กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งกลับมาทวงแค้นการปราชัยการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีก่อน
ทรัมป์พูดจาแข็งกร้าวเกี่ยวกับจีน พร้อมประกาศคำมั่นสัญญาจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนครั้งใหม่ ด้วยเหตุนี้เองจึงมีคนคิดกันไปว่า จีนไม่ต้องการให้ทรัมป์กลับทำเนียบขาว ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงอยากให้ไบเดนเป็นประธานาธิบดีอีกหนึ่งสมัยมากกว่า แต่นายเจมส์ มันน์ ผู้สื่อข่าวและนักเขียนชาวอเมริกันในกรุงวอชิงตันชี้ว่า นี่เป็นข้อสรุปที่ผิด
นายมันน์มองว่า จีนพอใจทรัมป์มากกว่าด้วยเหตุผล 3 ประการ
ประการแรก ทรัมป์เป็นคนมีอีโก้สูง ยึดตนเองเป็นศูนย์กลางในการดำเนินแนวทางการทูต เชื่อมั่นตนเองมากเกินไป และเขาเป็นผู้นำประเภทที่จีนรู้จักวิธีรับมือได้อย่างแม่นยำ
ประการที่ 2 ทรัมป์ให้คำมั่นสัญญาลดความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับชาติพันธมิตร
ประการที่ 3 ทรัมป์มีนิสัยชอบคุยโวเกินจริง แต่บังเกิดผลน้อย แตกต่างจากไบเดน
ลักษณะทั้งหมดที่ว่ามานี้ล้วนส่งผลดีต่อจีนในการบรรลุเป้าหมายต่างๆ ตามที่จีนตั้งไว้
ในมุมมองของนายมันน์นั้น ด้วยความเป็นคนอีโก้สูง ทรัมป์จึงคิดเพียงว่าสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ด้วยการทำข้อตกลงและเชื่อว่าลำพังเขาคนเดียวก็สามารถทำให้เกาหลีเหนือยอมจำกัดโครงการอาวุธนิวเคลียร์ได้ ทรัมป์จึงจัดการประชุมสุดยอดกับคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เกิดดรามามากมาย แต่ไม่บังเกิดผลใดๆ จากซัมมิตครั้งประวัติศาสตร์ ส่วนจีนมีประวัติในการรับมือกับเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจด้วยวิธีสรรเสริญเยินยอเกินจริง สร้างความสัมพันธ์ส่วนตัวและให้รางวัลทางการเงิน พวกผู้นำจีนชอบเจ้าหน้าที่แบบนี้มากกว่าพวกที่หมกมุ่นอยู่กับกฎเกณฑ์หรือกฎหมายที่ไม่มีตัวตน
สมัยทรัมป์เป็นประธานาธิบดีจะเห็นได้ว่า จีนได้สร้างสายสัมพันธ์กับอิวานก้า ทรัมป์ บุตรสาว และนายจาเร็ด คุชเนอร์ บุตรเขยผ่านการทำข้อตกลงด้านอสังหาริมทรัพย์และการให้เครื่องหมายการค้า นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ของจีนยังใช้เงินหลายล้านดอลลาร์ไปในทรัพย์สินโรงแรมของทรัมป์
ในขณะที่ไบเดนนั้น ฮันเตอร์บุตรชายของเขาอาศัยอำนาจของพ่อทำธุรกิจกับจีนก็จริง แต่ผลประโยชน์ธุรกิจของฮันเตอร์เล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับธุรกิจของตระกูลทรัมป์ นอกจากนั้น ยังไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่า ไบเดนได้รับประโยชน์จากธุรกิจในต่างประเทศของบุตรชาย
ในการหาเสียงเมื่อเร็วๆ นี้ ทรัมป์ตั้งคำถามเกี่ยวกับพันธกรณีที่สหรัฐฯ มีต่อองค์การนาโต ทรัมป์สนับสนุนให้ยุติการช่วยเหลือยูเครน และที่สำคัญสุดก็คือทรัมป์ประกาศจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประธานาธิบดีวลาดิมีย ปูติน ของรัสเซีย ซึ่งเป็นหุ้นส่วนที่ไม่มีขอบเขตจำกัดของจีน
นายมันน์ระบุว่า อเมริกาที่กำลังถอยห่างจากเวทีโลกจะทำให้จีนมีพื้นที่เพียงพอในการบรรลุเป้าหมายที่กำหนด
นอกจากนั้น จีนยังเข้าใจดีว่า รัฐบาลจากพรรคเดโมแครต มิใช่รีพับลิกัน ที่น่าจะลงมือแข็งกร้าวมากกว่าแค่พูดขึงขัง ทรัมป์สมัยเป็นประธานาธิบดีได้ประกาศตั้งกำแพงภาษีศุลกากรสินค้าจากจีน แต่เมื่อไบเดนเป็นประธานาธิบดี นอกจากเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนต่อไปแล้ว ยังประกาศมาตรการจำกัดการค้าด้านเทคโนโลยี เพื่อไม่ให้จีนสามารถซื้อเซมิคอนดักเตอร์และอุปกรณ์ผลิตชิปจากสหรัฐฯ ได้อีกด้วย หากเดโมแครตได้เป็นรัฐบาลอีกก็น่าจะดำเนินมาตรการนี้ต่อไป
จาก “Opinion: Three reasons China would be happier with Trump than Biden” โดยนายเจมส์ มันน์ ในหนังสือพิมพ์ ลอสแอนเจลิสไทมส์
หมายเหตุ : นายเจมส์ มันน์มีผลงานเขียนหนังสือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน 3 เล่ม และเป็นสมาชิกของสถาบันนโยบายต่างประเทศแห่งวิทยาลัยการศึกษาระหว่างประเทศขั้นสูงจอนส์ ฮอปกินส์