โดย ร่มฉัตร จันทรานุกูล
หนึ่งในข่าวดังทั่วโลกตอนนี้คงหนีไม่พ้นราคาทองคำที่พุ่งสูงทำสถิติอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่นในประเทศไทยเองมีการประเมินว่าราคาทองจะขึ้นไปถึงบาทละ 40,000 บาท! ทำให้การซื้อขายทองคำในประเทศคึกคัก คนขายก็มี คนซื้อไม่หวั่นดอยก็มาก เพราะทองคำเป็นแร่มีค่าและมีมาตรฐาน เป็นที่ยอมรับทั่วโลก ธนาคารของหลายประเทศทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะเก็บทองคำในคงคลังของประเทศเพิ่มสูงขึ้นทุกๆ ปี ในมุมของประชาชนทั่วไปแล้วทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย น่าเชื่อถือ และเชื่อกันว่า “เก็บยาวมีแต่ขึ้น”
ในด้านของจีน ข้อมูลที่เผยแพร่ล่าสุดโดยธนาคารประชาชนแห่งชาติจีน ซึ่งเป็นธนาคารกลาง รายงานว่าทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนอยู่ที่ 3.2258 ล้านล้านดอลลาร์ในปลายเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา และทองคำสำรองของจีนเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 16 ติดต่อกัน! ณ สิ้นเดือนเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ทองคำสำรองของจีนอยู่ที่ 72.58 ล้านออนซ์ เพิ่มขึ้น 390,000 ออนซ์จากเดือน ม.ค. ในแง่ของราคาทองคำโลกแตะอยู่เหนือระดับ 2,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วน COMEX gold Futures ก็สร้างสถิติใหม่ในประวัติศาสตร์
จีนเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศ “Top 10” ที่ธนาคารกลางของประเทศซื้อทองคำสำรองในคงคลังมากที่สุด ขณะที่ตลาดการบริโภคทองคำในภาคประชาชนจีนอยู่ในกลุ่ม “Top 3” ของโลก ชาวจีนนิยมซื้อทองคำกันมาก ตั้งแต่มีการมอบกำไลทองคำใส่ข้อเท้าให้เด็กแรกเกิด พ่อแม่จีนนิยมซื้อทองคำเก็บให้ลูกเผื่อแต่งงาน เผื่อเป็นเก็บไว้ให้เมื่อโต ตอนแต่งงานคนจีนนิยมซื้อทองรูปพรรณแบบชุดสามชิ้น ที่ในภาษาจีนเรียกว่า “三金” อ่านว่า “ซานจิน” นิยมซื้อเป็นทองรูปพรรณแบบกำไล แหวน สร้อยคอ
นอกจากนี้ กลุ่มนักลงทุนจีนรายย่อย ทั้งวัยทำงาน วัยเกษียณอายุ ทุกวันนี้นิยมซื้อทองคำเก็บออมทั้งแบบทองรูปพรรณและทองแท่ง ปัจจุบันจีนยังมีแพลตฟอร์มซื้อเก็บทองออนไลน์เหมือนกับในไทยเช่นกัน โดยการซื้อเก็บทองออนไลน์ได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่
ในจีนราคาทองคำเมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมาทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง ร้านทองรูปพรรณจีนบางยี่ห้อราคาเกิน 650 หยวน/กรัม (ประมาณ 3,250 บาทต่อกรัม) ตามราคาตลาด Au99.99 ที่ประกาศโดย Shanghai Gold Exchange ราคาทองคำพื้นฐานแบบเรียลไทม์ในวันที่ 6 มี.ค.อยู่ที่ประมาณ 499 หยวน/กรัม(เกือบ 2,500 บาทต่อกรัม) เทียบกับ 480 หยวน/กรัม (เกือบ 2,400 บาทต่อกรัม) เมื่อวันที่ 28 ก.พ. แค่สัปดาห์เดียวเพิ่มขึ้นเกือบ 20 หยวนต่อกรัม
ปรากฏการณ์ราคาทองขาขึ้นในรอบนี้โดยรวมชาวจีนแย่งกันซื้อเก็บมากกว่าขายออกทำกำไร ชาวจีนส่วนใหญ่เชื่อว่าราคาทองจะเพิ่มขึ้นไปมากกว่านี้อีกจึงซื้อเอาไว้ช่วงนี้ก่อน ปัจจุบันชาวจีนนิยมซื้อทองแท่งมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะราคาจะย่อมเยากว่าการซื้อทองรูปพรรณเก็บมาก (ในจีนทองรูปพรรณราคาสูงมากเพราะราคาทองพื้นฐานที่ประกาศหน้าร้านทองรูปพรรณมีการบวกกำไรเข้าไปแล้ว ยังไม่รวมค่ากำเหน็จที่จะถูกบวกเพิ่มเข้าไปอีกด้วย) ราคาทองรูปพรรณแบรนด์ดังจีน เช่น Laomiao Gold, China Gold และ Lao Fengxiang กำลังขายดีเป็นเทน้ำเทท่าในช่วงทองขาขึ้นนี้ พนักงานร้านส่วนใหญ่เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวจีนว่าราคาทองคำอาจสูงขึ้นต่อไปอีก
พนักงานร้านขายทองบางคนกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า "ทองรูปพรรณเป็นไปได้ที่ราคาจะเกิน 700 หยวน/กรัม (ประมาณมากกว่า 3,500 บาทต่อกรัม)"
ยกตัวอย่างเช่น นางจาง ผู้มาร้านทองเลือกซื้อทองรูปพรรณในช่วงขาขึ้นนี้ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวจีนรายหนึ่งว่า “เธอเคยชอบเครื่องประดับจากแพลทินัมมากกว่า แต่ตอนนี้เธอจะเน้นไปที่การซื้อเครื่องประดับทองคำ และหากเธอมีเงินเหลือจะเลือกซื้อทองแท่งเก็บเอาไว้เพิ่มเติม”
มีนักเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์ไว้ว่า ราคาทองคำรอบนี้ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ระหว่างประเทศที่มีความเสี่ยงหลายด้าน สงครามและภาวะถดถอยของเศรษฐกิจหลายประเทศ อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และค่าเงินดอลลาร์ล้วนส่งผลถึงราคาทองทั้งสิ้น ด้านมุมมองการบริโภคของกลุ่มผู้บริโภคก็เปลี่ยนไปเช่นกัน โดยผู้คนโหยหาการลงทุนที่มั่นคงและปลอดภัยมากขึ้น ทองคำในฐานะ 'ผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ปลอดภัย' กลายเป็นสินค้าขายดีไปโดยปริยาย
การเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำได้เปลี่ยนแนวคิดการบริโภคทองคำของผู้คนด้วย ร้านทองหลายร้านในจีนมีผู้บริโภคจำนวนมากตรงไปที่โซนขายทองคำแท่ง และบางร้านทองคำแท่งถูกจำหน่ายหมดแล้วหากว่าจะซื้อต้องนัดหมายวางเงินจองส่วนหนึ่งล่วงหน้า ผู้บริโภครายหนึ่งกล่าวกับสื่อจีนว่า “เมื่อสังเกตราคาทองคำที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เธอเองเชื่อว่าตลาดทองคำยังมีโอกาสขึ้นได้อีกมาก เมื่อก่อนเธอจะซื้อเครื่องประดับทองเยอะไม่สนใจทองแท่ง แต่ตอนนี้จะเน้นไปที่ทองคำแท่ง”
กลุ่มธนาคารในจีนมีผลิตภัณฑ์ทองคำแท่งของตนเอง และประชาชนส่วนใหญ่มั่นใจที่จะสั่งซื้อทองคำแท่งจากธนาคาร โดยลูกค้ายังสามารถสะสมทองผ่านแอปธนาคารและเมื่อสะสมได้จำนวนหนึ่งสามารถถอนเป็นทองคำแท่งได้ แต่จะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมค่าบล็อกทอง เจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งหนึ่งให้ข้อมูลกับสื่อจีนว่า “ในช่วงเวลาปกติ ธนาคารสาขาหนึ่งลูกค้าจะมาซื้อทองคำแท่งเพียงวันละหนึ่งหรือสองคนเท่านั้น หากความนิยมของทองคำถูกปลุกเป็นกระแสในโซเชียลหรือช่วงที่ทองพุ่งแรง อาจมีลูกค้ามาซื้อทองคำแท่งวันละเป็นสิบราย” โดยผู้บริโภครายย่อยทั่วไปมักซื้อทองคำแท่งขนาด 30-50 กรัม
ราคาทองคำแท่งของธนาคารมีข้อได้เปรียบที่ความน่าเชื่อถือ ราคาอิงกับตลาดกลางเซี่ยงไฮ้แบบเรียลไทม์ แต่ค่าธรรมเนียมของแต่ละแห่งจะต่างกันไป ผู้เขียนเคยศึกษาทองแท่งธนาคารของจีนพบว่าราคาไม่ได้ถูกเพราะค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บบางธนาคารถึงกรัมละ 20 หยวน หรือ 100 บาทเลยทีเดียว แต่กระนั้นยังถูกกว่าร้านทองทั่วไป ยกตัวอย่าง ราคาทองแท่งร้านทองชื่อดัง ราคากรัมละประมาณ 580 หยวนต่อกรัม (ประมาณ 2,900 บาทต่อกรัม) ในขณะที่ราคาทองแท่งของ China Construction Bank และ Bank of China ราคาทองแท่งขายออกอยู่ที่กรัมละ 512.6 หยวนต่อกรัม (ประมาณ 2,563 บาทต่อกรัม) และ 512.4 หยวนต่อกรัม (ประมาณ 2,562 บาทต่อกรัม) ตามลำดับ
ในสถานการณ์ราคาทองพุ่งกระฉูดเหมือนเบรกแตกตอนนี้ ในจีนมีการเตือนผู้บริโภคและนักลงทุนให้ตัดสินใจซื้อทองอย่างระมัดระวัง แต่ในความเป็นจริงการบริโภคทองคำในจีนมีการพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อเร็วๆ นี้โดย China Gold Association แสดงให้เห็นว่าในปี 2023 การบริโภคทองคำภายในประเทศจีนอยู่ที่ 1,089.69 ตัน เพิ่มขึ้น 8.78% เมื่อเทียบกับปี 2022 การบริโภคทองรูปพรรณอยู่ที่ 706.48 ตัน เพิ่มขึ้น 7.97% ทองคำแท่งและเหรียญทองคำมีปริมาณการบริโภคอยู่ที่ 299.6 ตัน เพิ่มขึ้น 15.7% เมื่อเทียบกับปี 2022 เช่นกัน
ในปี 2024 นี้ความนิยมในการบริโภคทองคำยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั้งในกลุ่มผู้บริโภคซื้อใส่และด้านการลงทุน เมื่อเทียบกับการซื้อเครื่องประดับล้ำค่าอื่นๆ เช่น เพชรและหยก ทองรูปพรรณกลายเป็นกระแสหลักของการบริโภคในจีน และกลุ่มผู้ซื้อทองคำเก็บก็ขยายจากกลุ่มที่เกิดในช่วงปี 1970-1985 เป็นกลุ่มที่เกิดในช่วงปี 1990-2000 ก่อนหน้านี้กลุ่มคนรุ่นใหม่ฮิตการออม "ถั่วทอง" (金豆) บนแพลตฟอร์มโซเชียล โดยคนหนุ่มสาวจีนเก็บถั่วทองในกระปุกและโพสต์บนโซเชียล
โดยรวมแล้วในจีนกระแสการบริโภคทองคำยังอยู่ในระดับสูง มีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนทองคำจีนกล่าวว่า "แม้จะเป็นไปไม่ได้ที่จะระบุได้ว่าในที่สุดราคาทองคำจะเพิ่มขึ้นเท่าใด แต่ที่แน่ชัดคือราคาทองคำได้เข้าสู่วงจรขาขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม จากมุมมองของตลาดต่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงและความผันผวนของราคาทองคำในปัจจุบันยังไม่ชัดเจนนัก และการที่ราคาเพิ่มขึ้นเร็วเกินไปแบบผิดปกติอาจจะเผชิญความเสี่ยงลงแรงได้ตลอดเวลา ดังนั้นผู้ที่ซื้อทองเก็งกำไรอย่าลงทุนแบบสุ่มสี่สุ่มห้า"
โดยรวมจะเห็นได้ว่าการพุ่งแรงของทองคำรอบนี้ชาวจีนยังนิยมซื้อตามสโลแกนการลงทุนของชาวจีนทั่วไป “买涨不买跌” อ่านว่า หม่ายจ่างปู้หม่ายเดีย หมายถึง “ซื้อตอนขึ้นไม่ซื้อตอนลง”
ร้านค้าทองในจีนมีการปรับตัวออกผลิตภัณฑ์ให้ถูกใจกลุ่มผู้บริโภควัยรุ่น วัยทำงานมากขึ้น ยอดขายทั้งทองรูปพรรณและทองแท่งพุ่งสูงเหมือนกับราคาทองที่กำลังขึ้นอยู่ในขณะนี้ อีกมุมหนึ่งสะท้อนว่าในภาวะเศรษฐกิจในประเทศถดถอยนี้ ชาวจีนเองต้องการหาที่ปลอดภัยในการเก็บรักษาทรัพย์สินของตนเองเช่นกันคือเก็บในรูปแบบของทองคำ