สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐอเมริกาออกมาเคลื่อนไหวขึงขัง เสนอร่างกฎหมายระบุให้ไบต์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติจีนขายกิจการติ๊กต็อก ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือภายใน 165 วัน หากไม่ฟังกัน แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นยอดฮิตจะถูกสั่งห้ามดาวน์โหลดในแอปสโตร์ของแอปเปิล และกูเกิลแน่
ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวมีพรรครัฐบาลและฝ่ายค้านคือเดโมแครตกับรีพับลิกันร่วมกันร่างและนำเสนอเมื่อวันอังคาร (5 มี.ค.) เพื่อให้สภาพิจารณาเห็นชอบ ซึ่งคาดว่าจะมีการโหวตครั้งแรกในวันพฤหัสฯ (7 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น แต่นักวิเคราะห์คาดว่า งานนี้คงไม่มีความคืบหน้าเหมือนเช่นในอดีต
นายอเล็ก คาปรี อาจารย์อาวุโสของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์และนักวิจัยของอินริช ฟาวน์เดชัน (Hinrich Foundation) ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลในเอเชียชี้ว่า หากไบต์แดนซ์และนักลงทุนแผ่นดินใหญ่ถูกบังคับให้ขายหุ้น รัฐบาลจีนก็ “จะปิดกั้นการขาย” การถ่ายโอนความเป็นเจ้าของ หรือเทคโนโลยีให้สหรัฐฯ โดยที่ไม่ผ่านการเห็นชอบจากปักกิ่ง ไบต์แดนซ์อาจเผชิญกับผลทางกฎหมายบนแผ่นดินใหญ่ตามมา
นอกจากนั้น เขาคิดว่าการสั่งห้ามไม่น่าจะมีประสิทธิภาพอะไร เพราะเรื่องจะไปจบที่คำตัดสินของศาลสหรัฐฯ บนพื้นฐานของเหตุผลที่ว่า การสั่งห้ามเล่นติ๊กต็อกเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพในการพูด ซึ่งตราไว้ในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ครั้งที่ 1
ด้านโฆษกของติ๊กต็อกกล่าวถึงร่างกฎหมายฉบับใหม่นี้ว่าเป็นการห้ามใช้แอปติ๊กต็อกอย่างเด็ดขาด ซึ่งเท่ากับเหยียบย่ำสิทธิของพลเมืองอเมริกา 170 ล้านตามบทบัญญัติในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ครั้งที่ 1 และเป็นการกีดกันธุรกิจรายย่อย 5 ล้านราย ซึ่งพึ่งพาติ๊กต็อกในการเติบโตและสร้างงาน
ทั้งนี้ สหรัฐฯ เคยมีความพยายามสั่งห้ามเล่นติ๊กต็อกหรือการบังคับให้ไบต์แดนซ์ขายกิจการติ๊กต็อกในสมัยรัฐบาลของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ในปี 2563 ด้วยข้อสงสัยว่า ไบต์แดนซ์ถูกควบคุมโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน ข้อมูลของผู้ใช้ติ๊กต็อกอาจตกอยู่ในกำมือพรรคคอมมิวนิสต์ ฉะนั้น ไบต์แดนซ์กับติ๊กต็อกต้องแยกขาดกัน แต่ร่างกฎหมายและคำสั่งจากฝ่ายบริหารหลายฉบับถูกขัดขวางโดยศาลของสหรัฐฯ เอง โดยต่อมาในปี 2566 วุฒิสภาสหรัฐฯ พยายามแบนติ๊กต็อกอีกครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ
ด้านประธานาธิบดี โจ ไบเดนนั้น ถึงแม้ว่าได้สั่งห้ามการใช้ติ๊กต็อกบนอุปกรณ์ของรัฐบาลกลาง ทว่าในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของไบเดนเมื่อเดือนที่แล้วกลับเปิดบัญชีติ๊กต็อกอย่างเป็นทางการ
ใน Guancha.cn เว็บไซต์ชาตินิยมของจีน มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างกฎหมายฉบับใหม่นี้ว่า เป็นการโชว์กลยุทธ์ต่อต้านติ๊กต็อกของพวกนักการเมืองสหรัฐฯ ในช่วงปีการเลือกตั้งก็เท่านั้นเอง
ที่มา : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์