สมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ (เอสไอเอ) ซึ่งมีฐานอยู่ในสหรัฐอเมริการายงาน ยอดขายเซมิคอนดักเตอร์ของจีนในเดือน ม.ค.2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.6
เอสไอเอระบุว่า ยอดขายในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกมีมูลค่ารวม 47,600 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.2% เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค.ของปีที่แล้ว โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.3 ในทวีปอเมริกา ร้อยละ 12.8 ในแถบเอเชีย-แปซิฟิก อย่างไรก็ตาม ลดลงร้อยละ 6.4 ในญี่ปุ่น และร้อยละ 1.4 ในยุโรป
ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญแดนมังกร ยอดขายเซมิคอนดักเตอร์ของจีนที่เติบโตแซงหน้าสหรัฐอเมริกา หรือทั่วโลกเป็นสิ่งบ่งชี้ว่า มาตรการของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการจำกัดการลงทุนและการส่งออกชิปไปยังจีน เพื่อสกัดไม่ให้อุตสาหกรรมชิปของจีนเติบโตนั้นใช้ไม่ได้ผล แต่กำลังการผลิตชิปของจีนกลับเพิ่มขึ้น และก้าวไปอย่างรวดเร็วเพื่อบรรลุเป้าหมายการพึ่งพาตนเอง โดยขณะนี้จีนสามารถผลิตชิปจัดเก็บข้อมูลได้มากกว่าการนำเข้า ขณะที่ชิปสมาร์ทโฟนสามารถแปลเนื้อหาเป็นภาษาท้องถิ่น และมีความก้าวหน้าในการวิจัยชิปปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ)
กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีนระบุว่า จีนผลิตวงจรรวม (ไอซี) ในปี 2566 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.9 เป็น 351,400 ล้านชิ้นจากปีก่อนหน้า
ด้านข้อมูลของกรมศุลกากรจีนระบุว่า จีนนำเข้าวงจรรวมในปี 2566 จำนวน 479,500 ล้านชิ้น ลดลงร้อยละ 10.8 จากปีก่อนหน้า ส่งผลให้มูลค่าการนำเข้าลดลงตามไปด้วย
ขณะที่การจัดสรรงบประมาณเพื่อการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกลับเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.4 ต่อปีในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา โดยกระทรวงการคลังระบุว่าจากปี 2561-2566 การใช้จ่ายด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นจาก 832,700 ล้านหยวน เป็นเกือบ 1,060,000 ล้านหยวน
นายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียงประกาศต่อที่ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติเมื่อวันอังคาร (5 มี.ค.) ว่า รัฐบาลจะเร่งส่งเสริมการพึ่งพาตนเองในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นตามหมุดหมายที่อดีตนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียงประกาศต่อสภาเมื่อปีที่แล้ว โดยจีนจะมุ่งมั่นพัฒนาด้านคอมพิวเตอร์ควอนตัม วิทยาศาสตร์ชีวภาพ บิ๊กดาต้า การบินอวกาศเชิงพาณิชย์ และเอไอ พร้อมกับเปิดตัวโครงการต่างๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาด้านกลยุทธ์และอุตสาหกรรม
นายอิ้น เหอจวิ้น รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้สัมภาษณ์นอกรอบการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติว่า จีนจะเน้นการบ่มเพาะผู้มีความสามารถด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสาขาต่างๆ ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ในระยะยาว โดยขณะนี้จีนมีนักวิทยาศาสตร์อายุน้อยกว่า 40 ปีเป็นผู้นำโครงการวิจัยและพัฒนาระดับชาติที่สำคัญมากกว่า 1,100 สาขา
เขากล่าวว่า ในปัจจุบันคนหนุ่มสาวเป็นกำลังสำคัญและในอนาคตจะเป็นกำลังหลักในการสร้างจีนให้เป็นประเทศที่เข้มแข็งในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่อไป
ที่มา : โกลบอลไทมส์ / รอยเตอร์