บีวายดี บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ยักษ์ใหญ่แดนมังกร กำลังเผชิญการสอบสวนต่อต้านเงินอุดหนุนของสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งสงสัยว่า รถของบีวายดีมีราคาถูกกว่ารถค่ายอื่นอย่างมาก เพราะได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลจีนในระดับที่ไม่เป็นธรรมกับบริษัทผู้ผลิตอีวีรายอื่น
แต่งานนี้นายไมเคิล ซู่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ประจำยุโรปของบีวายดี ชี้แจงกับไฟแนนเชียลไทมส์ว่า บีวายดีขายรถอีวีราคาถูกกว่าเจ้าอื่นได้ มิใช่เพราะได้รับเงินอุดหนุน เนื่องจากเงินอุดหนุนการผลิตที่บริษัทผู้ผลิตรถได้รับจากปักกิ่งนั้นมี “จำกัดมาก ”
ทว่าเป็นเพราะบีวายดีมีการลงทุนในเทคโนโลยีด้านอีวีเร็วกว่าและมากกว่าคู่แข่ง ด้วย “ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ” ที่เหนือกว่า มีเทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ บีวายดีผลิตส่วนประกอบและระบบยานยนต์เอง ตั้งแต่แบตเตอรี่ มอเตอร์ ชิปการจัดการพลังงาน ไปจนถึงหน้าจอแดชบอร์ด โดยแบตเตอรี่มีสัดส่วนในต้นทุนการผลิตอีวีคันหนึ่งราวร้อยละ 30-40 นอกจากนั้น การดำเนินงานของบีวายดีเป็นการบูรณาการในแนวดิ่ง ซึ่งเป็นกลยุทธ์การแข่งขันที่ทำให้บีวายดีสามารถควบคุมการผลิตและจัดจำหน่าย โดยมีเครือข่ายโรงงานและกองเรือขนส่งรถยนต์ไปต่างประเทศ
หากผลการสอบสวนของอียูตรงกับที่สงสัย อียูจะกำหนดมาตรการตอบโต้ เพื่อสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันกับผู้ผลิตรถของยุโรป เช่น การจัดเก็บภาษีนำเข้า
นายซู่ ระบุว่า บีวายดีอาจต้องย้ายการผลิตไปที่ฮังการี ซึ่งอยู่ระหว่างการสร้างโรงงาน เพื่อเลี่ยงภาษีนำเข้า นอกจากนั้น บีวายดีอาจมองหาที่ตั้งโรงงานอื่นๆ ในยุโรป ซึ่งอิตาลีมีการติดต่อเข้ามาแล้ว
รถอีวีราคาถูกของบีวายดียังส่อเค้าสร้างปัญหาด้านการแข่งขันให้บริษัทผู้ผลิตในสหรัฐฯ เมื่อมีข่าวว่า บีวายดีและบริษัทผลิตรถอีวีรายอื่นของจีนมีแผนสร้างโรงงานในเม็กซิโก
สเตลลา หลี่ ซีอีโอของบีวายดีประจำทวีปอเมริกาคาดว่า บีวายดีจะเลือกที่ตั้งโรงงานผลิตรถอีวีแห่งหนึ่งในเม็กซิโกได้ในสิ้นปีนี้ โดยตั้งเป้าหมายผลิตรถให้ได้ปีละ 150,000 คัน เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดท้องถิ่น
บีวายดีส่งรถมาขายยังแดนจังโก้ไม่ถึงหนึ่งปี แต่ยอดขายที่นี่เพิ่มขึ้น 2 เท่าต่อเดือน
ผู้บริหารของค่ายรถคู่แข่งซึ่งเป็นชาวจีนด้วยกันระบุว่า บีวายดีเน้นการแข่งขันด้านต้นทุนเชิงรุก โดยอาจกระหน่ำลดราคาในเม็กซิโกอย่างที่ทำในตลาดที่จีน ซึ่งบีบให้คู่แข่งต้องลดราคาตามเพื่อขายรถได้
บีวายดีแซงหน้าบริษัทเทสลาของอีลอน มัสก์แห่งอเมริกาในด้านยอดขายรถอีวี ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 และหั่นราคาแหลกลาญสำหรับรถรุ่นล่าสุดในจีน
ผู้บริหารบีวายดีประกาศเมื่อวันพุธ (28 ก.พ.) ว่า จะเริ่มขายรถอีวีรุ่นดอลฟินมินิ (Dolphin Mini) บนแดนจังโกในราคาเริ่มต้นที่ 358,800 เปโซ (20,990 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 7 แสน 5 หมื่นกว่าบาท) ราคานี้ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของรถเทสลาราคาถูกที่สุด
ในงานเปิดตัวที่กรุงเม็กซิโกซิตี้ ซีอีโอหลี่กล่าวว่า รถรุ่นนี้มุ่งผสมผสานเรื่องของเทคโนโลยีกับราคาเพื่อให้ผู้บริโภคเม็กซิโกหาซื้อได้
“มันราคาไม่แพง … ดังนั้นชาวเม็กซิกันทุกคนสามารถนำรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกกลับบ้านได้” เธอกล่าว
ที่มา : ฟอร์จูน / เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์