โดย ร่มฉัตร จันทรานุกูล
ในบทความนี้ผู้เขียนอยากจะมาเล่าถึงประเด็นที่เกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ นั่นคือ “ตลาดหุ้นจีน” ท่านผู้อ่านที่ติดตามข่าวการลงทุนในจีนช่วงที่ผ่านมาจะพอทราบว่า ตลาดหุ้นจีนมีข่าวใหญ่ที่หุ้นตกทั้งตลาดยกแผงหลายพันตัวจนต้องหยุดการซื้อขาย เป็นข่าวที่สร้างความวิตกกังวล โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนชาวจีนที่มีข่าวกันออกมาประปรายว่า บางคน “ขาดทุนจนสิ้นเนื้อประดาตัว” มีการประท้วงทางออนไลน์ผ่านสัญลักษณ์ต่างๆ หรือการประท้วงในรูปแบบต่างๆ ซึ่งข่าวประเภทนี้ผู้เขียนไม่ได้เห็นในหน้าข่าวทางการของจีน แต่ข่าวประท้วงเหล่านี้ถูกโพสต์ในแพลตฟอร์มโซเชียลต่างๆ
ขอปูพื้นแนะนำตลาดหุ้นของจีนที่มีอยู่ในปัจจุบันแบบย่นย่อๆ ก่อนว่า ปัจจุบันจีนมีตลาดหลักทรัพย์ทั่วประเทศ 3 แห่งด้วยกัน ได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ (คนจีนจะเรียกสั้นๆ ว่า 上交所อ่านว่า ซ่างเจียวสั่ว) แห่งที่สองคือ ตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น (คนจีนจะเรียกสั้นๆ ว่า 深交所 อ่านว่า เซินเจียวสั่ว หรือว่า 本所 อ่านว่า เปิ่นสั่ว) และ ตลาดหลักทรัพย์ปักกิ่ง (คนจีนจะเรียกสั้นๆ ว่า 北交所 อ่านว่า เป่ยเจียวสั่ว)
ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 26 พ.ย.1990 มีสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์แบบรวมศูนย์ จัดระเบียบกำกับดูแลธุรกรรมหลักทรัพย์ จากการพัฒนามานานกว่า 30 ปี ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ได้กลายเป็นตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกและเป็นหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น เริ่มดำเนินการเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.1990 ให้บริการการซื้อขายหลักทรัพย์แบบรวมศูนย์ การพิจารณาคำขอออกหลักทรัพย์และการจดทะเบียนหลักทรัพย์ตามกฎหมาย จัดระเบียบและกำกับดูแลการทำธุรกรรมด้านหลักทรัพย์ ดำเนินการกำกับดูแลสมาชิก บริษัทจดทะเบียนและเป็นผู้รับผิดชอบในการเปิดเผยข้อมูลอื่นๆ ให้ความรู้และคุ้มครองผู้ลงทุน ในปี 2021 มูลค่าธุรกรรมหุ้นของตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้นอยู่ในอันดับที่ 3 ของโลก
ตลาดหลักทรัพย์ปักกิ่ง เป็นตลาดน้องใหม่ จดทะเบียนและก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 ก.ย.2021 เป็นตลาดหลักทรัพย์แห่งแรกที่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลกลางจีนโดยตรง มีการกำกับดูแลสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์แบบรวมศูนย์ ตามกฎหมายว่าด้วยการซื้อขายหลักทรัพย์และการบริหารตลาดหลักทรัพย์และธุรกิจอื่นๆ ตลาดหลักทรัพย์ปักกิ่งจะเน้นการให้บริการและการซื้อขายหุ้น ระดมทุนกลุ่มบริษัทวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่สร้างนวัตกรรม
ณ เดือน เม.ย.2023 มีหุ้นที่สามารถซื้อขายได้ในจีนแผ่นดินใหญ่จำนวน 5,224 ตัว โดยหุ้นที่นักลงทุนรายย่อยสามารถซื้อขายได้โดยทั่วไปคือหุ้นกระดาน A ของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งคนจีนทั่วไปเรียกสั้นๆ ว่า ‘เอ-กู่’ “(A股)
อนึ่ง จำนวนหุ้นในตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่มีดังนี้
- ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ มีหุ้นจดทะเบียนในตลาด 2,236 ตัว ได้แก่ หุ้น 1,679 ตัวอยู่ในกระดานหลัก A หุ้น 44 ตัวอยู่บนกระดานหลัก B และหุ้น 513 ตัวในกระดานนวัตกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
- ตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น มีหุ้นจดทะเบียนในตลาด 2,802 หุ้นได้แก่ หุ้นกระดานหลัก A มี 1,510 ตัว หุ้นกระดานหลัก B มี 42 หุ้น และหุ้นในกระดานนวัตกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1,250 ตัว
- ตลาดหลักทรัพย์ปักกิ่ง มีหุ้นจดทะเบียนในตลาด 186 ตัว
ปัจจุบันเศรษฐกิจหมุนเวียนภายในกลายเป็นยุทธศาสตร์ระดับชาติของจีน โดยรัฐบาลจีนพยายามกอบกู้เศรษฐกิจของประเทศด้วยการกระตุ้นการบริโภค อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารัฐบาลใช้นโยบายกระตุ้นการบริโภคอย่างต่อเนื่อง แต่การบริโภคภายในยังคงอ่อนแอและยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ความต้องการของผู้บริโภคยังไม่เพียงพอ ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัว
นอกจากปัญหาด้านอสังหาริมทรัพย์ อนาคตที่ไม่แน่นอนทำให้ชาวจีนระมัดระวังในการบริโภคมากขึ้น
ยังมีอีกปัจจัยหนึ่งคือตลาดหุ้นจีนที่ผันผวน ส่งผลกระทบด้านลบต่อการบริโภคอีกด้วย ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ความผันผวนของตลาดหุ้นจีน ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดกระแสตื่นตระหนกในหมู่นักลงทุนเท่านั้น เงินลงทุนของนักลงทุนรายย่อยจำนวนมาก “ติดดอย” (ซื้อเข้าในราคาสูงแต่ราคาปัจจุบันลดลง ทำให้ติดอยู่บนดอย จะขายออกก็ขาดทุน) อยู่ในตลาดหุ้น
จากข้อมูลสถิติของตลาดหลักทรัพย์จีนแสดงว่า จีนมีบัญชีหุ้น(股民 อ่านว่า กู่หมิน แปลตรงคือ “ชาวหุ้น”)ประมาณ 200 ล้านคน และจำนวนประชาชนที่มีบัญชีกองทุน(基民 อ่านว่า จีหมิน แปลตรงคือ “ชาวกองทุน”)จำนวน 700 ล้านคน นักลงทุนรายย่อยทั่วไปเงินลงทุนส่วนใหญ่มาจากรายได้ประจำ หากว่าเงินลงทุนเหล่านี้หายไปจากการลงทุนในตลาดหุ้น (เนื่องจากการขายชอร์ตหุ้นทำกำไรของพวกนายทุนใหญ่) ทำให้เงินลงทุนของนักลงทุนรายย่อยไม่สามารถไหลกลับไปสู่เศรษฐกิจที่แท้จริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่สามารถกระตุ้นตลาดผู้บริโภคอย่างที่รัฐบาลต้องการได้ ดังนั้น ความผันผวนของตลาดหุ้นจึงสะท้อนถึงสภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนของจีน
จากข้อมูลจาก China Securities Depository and Clearing Co., Ltd. ในเดือนส.ค.2022 จำนวนนักลงทุนรายใหม่ในตลาดหุ้นกระดาน A (หุ้นธรรมดาในจีนที่ใช้การซื้อขายด้วยสกุลเงินหยวน) อยู่ที่ 1.396 ล้านราย ลดลง 9.67% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า จำนวนบัญชีหุ้นของนักลงทุน ณ สิ้นเดือนส.ค.2022 อยู่ที่ 204 ล้านบัญชี แต่บัญชีที่มีการซื้อขายอยู่ประจำ (Active account) มีอยู่เพียง 113 ล้านบัญชี ลดลง 1.16% จากข้อมูลนี้จะเห็นได้ว่าจำนวนการทำธุรกรรมซื้อขายหุ้นโดยรวมลดลง มีข่าวในหน้าสื่อจีนข่าวหนึ่งพาดหัวว่า “‘ชาวผักกุยช่าย’ เริ่มไหวตัวทัน ทำให้อัตราการปิดบัญชีหุ้นเพิ่มมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา”
ขออธิบายคร่าวๆ เกี่ยวกับ “ชาวผักกุยช่าย” เป็นฉายาเรียก “กลุ่มผู้ลงทุนรายย่อยที่เงินลงทุนมักจะถูกนักลงทุนรายใหญ่กินเรียบ” (เงินลงทุนจากนักลงทุนราย่อยเปรียบได้กับผักกุยช่าย เมื่อโตเต็มที่จะโดนนักลงทุนรายใหญ่ตัดเก็บเกี่ยวไป) เหมือนกับภาษาไทยที่เรียกนักลงทุนตลาดหุ้นรายย่อยกันว่า “ชาวเม่า” (แมงเม่าบินเข้ากองไฟ)
มีการระบุว่าขณะนี้สถานการณ์ตลาดหุ้นในจีน “อัตราการสูญเสียเงินของนักลงทุนรายย่อยในตลาดหุ้นกระดาน A สูงเกินไป มีการประเมินค่าเฉลี่ยการขาดทุนของนักลงทุนหุ้นรายย่อยในปี 2023 ว่าเฉลี่ยขาดทุนรายละกว่า 2 แสนบาท พวกกลุ่มหลักทรัพย์ที่ลงทุนในตลาดหุ้นสามารถสร้างรายได้โดยเอาเงินจากนักลงทุนรายย่อยไปได้โดยการชอร์ตเซล หรือขายชอร์ตหุ้น ต่อมาหน่วยงานรัฐพยายามเข้ามาแก้ปัญหาโดยออกกฎระเบียบควบคุมใหม่ แต่ทว่าตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมา ตลาดหุ้นกระดาน A ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตลาดหุ้นจีนสูญเสียมูลค่าการลงทุน ผลที่เกิดขึ้นคือกลุ่มนักลงทุนรายย่อยจำนวนมากตัดขายหุ้นทิ้ง (Cut loss) และเลือกปิดบัญชีถอยห่างจากตลาดหุ้น!”
ตลาดหุ้นจีนอยู่ในภาวะยุ่งเหยิงสาเหตุมาจากเศรษฐกิจในประเทศที่ซบเซา ความเสี่ยงระหว่างประเทศที่มีมาก การผลิตล้นเกิน การส่งออกยังไม่คึกคักพอ กฎระเบียบข้อบังคับในประเทศที่เข้มงวด ที่ผ่านมาบริษัทจีนจำนวนมากต้องการจดทะเบียนในตลาดหุ้นเพียงเพื่อระดมทุน มีการปั่นกระแสหรือตกแต่งบัญชีทำให้ราคาหุ้นขึ้นและรีบปล่อยขายเพื่อถอนทุนบวกฟันกำไรจากนักลงทุนรายย่อย
ปี 2023 ที่ผ่านมาเป็นปีแห่งการสูญเสียอย่างหนักสำหรับนักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่ หลายๆ คนสูญเสียเงินลงทุนในตลาดหุ้นไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง มีนักลงทุนรายย่อยจีนส่วนหนึ่งเสียดสีว่า “การฝากเงินในธนาคารผลตอบแทนดอกเบี้ยชนะผลกำไรจากการลงทุนในตลาดหุ้นเสียอีก”
ในจีนเองมีข่าวชาวหุ้นจีนที่ขาดทุนกันย่อยยับอย่างต่อเนื่อง บางรายแชร์ประสบการณ์การลงทุนของตนบนโซเชียลมีเดียว่า “ขาดทุนกับตลาดหุ้นไปหลักหลายสิบล้านบาท”
ด้านบรรดาชาวเน็ตจีนพากันเสียดสีตลาดหุ้นในประเทศว่า “跌跌不休” อ่านว่า เตียเตียปู้ซิว แปลว่า ต่ำลงๆ ไม่หยุดพัก ดังนั้นจึงมีการวิเคราะห์สาเหตุที่ตลาดหุ้นจีนตกต่ำ ซึ่งสรุปคร่าวๆ คือ ความผันผวนทางเศรษฐกิจ สภาพคล่องในตลาดตึงตัว ผลการประกอบการของบริษัทบนตลาดหลักทรัพย์หลายแห่งไม่ค่อยดี การขาดการควบคุมดูแลอย่างเข้มงวดนำไปสู่การฉ้อโกงทางการเงิน การซื้อขายหลักทรัพย์แบบอีแอบ และพฤติกรรมอื่นๆ ส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของนักลงทุนรายย่อย ระบบการเพิกถอนหลักทรัพย์ที่ไม่มีประสิทธิภาพอาจทำให้ "บริษัทซอมบี้" ยังคงอยู่ในตลาดที่มีการซื้อขาย
ระบบตลาดหุ้นที่ไม่สมบูรณ์ การกำกับดูแลที่ไม่เพียงพอและมาตรการลงโทษที่ล่าช้าทำให้ตลาดวุ่นวายปั่นป่วนและส่งผลต่อเสถียรภาพของตลาดหุ้น ดังนั้นถึงแม้ว่าจีนจะมีบริษัทที่มีศักยภาพมากมายแต่เพราะระบบการจัดการ การแทรกแซง ไม่โปร่งใสและซับซ้อน ทำให้ตลาดไม่เสถียร จนถึงขณะนี้ความมั่นใจของนักลงทุนรายย่อยยังไม่กลับมาจากสถานการณ์ตลาดหุ้นที่มีแนวโน้มขาลงอย่างต่อเนื่อง เราจะเห็นได้ว่าประชาชนจีนตอนนี้จะเอาเงินเก็บไปลงทุนอะไรก็ตาม ความเสี่ยงรอบด้าน ไม่ใช่เรื่องหมูๆ เลยทีเดียว