เมื่อวันศุกร์ (2 ก.พ.) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เผยแพร่รายงานล่าสุดคาดว่า ความต้องการที่อยู่อาศัยใหม่ในประเทศจีนจะลดลงประมาณร้อยละ 50 ในช่วงทศวรรษหน้า
IMF คาดว่าความต้องการที่อยู่อาศัยใหม่ขั้นพื้นฐานในจีนจะลดลงร้อยละ 35-55 เนื่องจากการลดลงของครัวเรือนใหม่ในเมือง และบ้านที่ปัจจุบันยังค้างจำหน่ายจำนวนมาก
ภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องคิดเป็นประมาณหนึ่งในสี่ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของประเทศ
ภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา กระตุ้นให้รัฐบาลจีนออกโรงเตือนว่า “บ้านมีไว้สำหรับอยู่อาศัย ไม่ใช่เพื่อการเก็งกำไร”
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จีนหลายรายประสบปัญหาหนี้ค้างชำระจำนวนมาก เช่น Evergrande และ Country Garden ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต
ตัวเลขที่เผยแพร่อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนที่แล้วระบุว่า เศรษฐกิจของจีนขยายตัว 5.2% ในปี 2566 ซึ่งต่ำกว่าร้อยละ 5.4 ที่ IMF คาดการณ์ไว้ ณ เดือนธันวาคม 2566 โดยมีสาเหตุมาจาก "การบริโภคที่อ่อนแอกว่าที่คาดไว้ในไตรมาสที่ 4" ในขณะที่ IMF คาดการณ์ว่าการเติบโตของจีนจะชะลอตัวลงเหลือร้อยละ 4.6 ในปีนี้
ที่มา กลุ่มสื่อต่างชาติ
แฟ้มภาพ เอเอฟพี