โดย ร่มฉัตร จันทรานุกูล
ในบทความนี้ผู้เขียนอยากจะเกาะกระแสไทยและจีนลงนามบันทึกข้อตกลงยกเว้นวีซ่าระหว่างไทย-จีน เมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มี.ค.2024 เป็นต้นไป สำหรับไทยเราได้ฟรีวีซ่าให้จีนล่วงหน้ามาก่อนหน้านี้แล้ว และปัจจุบันอัปเดตเป็นการฟรีวีซ่าให้คนจีนตลอดไป โดยมีเป้าหมายผลักดันการท่องเที่ยวและการค้า มีการแลกเปลี่ยนและร่วมมือกันในหลายด้านมากขึ้นนั่นเอง
หากเราติดตามข่าวสารทางฝั่งของจีนที่ผ่านมาจะทราบได้ว่า ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจีนเริ่มฟรีวีซ่าให้หลายประเทศ รวมถึงเพื่อนบ้านไทย มาเลเซียที่จีนยกเว้นวีซ่าไปให้ก่อนหน้านี้ จนถึงขณะนี้จีนได้ทำข้อตกลงเกี่ยวกับการยกเว้นวีซ่าหรือลดขั้นตอนการเข้าประเทศกับประเทศต่างๆ 157 ประเทศ ทั้งนี้เพื่อความสะดวกสบายของพลเมืองจีนที่เดินทางไปต่างประเทศ และ "เพิ่มความน่าเชื่อถือของจีนในเวทีโลก" จีนพยายามทำให้หนังสือเดินทางจีนทรงอิทธิพลมากขึ้น
ผู้เขียนมองว่าอาจจะเพราะภาวะเศรษฐกิจในประเทศจีนที่ซบเซา กอปรกับความเชื่อมั่นของจีนในเวทีโลกประสบพบความท้าทายหลังจากเปิดประเทศหลังโควิด (เศรษฐกิจและการต่างประเทศ การลงทุนจากต่างชาติ การค้ากับต่างชาติไม่เป็นตามคาด) จีนจึงเปลี่ยนนโยบายและแนวทางความสัมพันธ์กับต่างชาติอย่างรวดเร็วให้มีความยืดหยุ่นและเปิดมากยิ่งขึ้น ที่ผ่านมานั้นจีนค่อนข้างมีความระแวดระวังกับเรื่องการต่างประเทศ สำหรับจีนกิจการที่เกี่ยวกับการต่างประเทศจะมีความอ่อนไหวหลายอย่าง
จีนได้นำร่องฟรีวีซ่าให้ 6 ประเทศก่อนตั้งแต่เดือน พ.ย.2023 ได้แก่ ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมนี ฟินแลนด์ สเปน และมาเลเซีย โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2023-30 พ.ย.2024 โดยทางการจีนใช้คำว่า “ทดลองฟรีวีซ่าแบบทางเดียว” พลเมืองจากทั้ง 6 ประเทศข้างต้นสามารถเข้าฟรีวีซ่าเข้าจีนได้ 15 วัน
สำหรับอีก 2 ประเทศเพื่อนบ้านไทยหลายคนอาจจะไม่รู้ว่า จีนมีการให้ฟรีวีซ่าทางเดียวกับ 2 ประเทศนี้มานานเกือบ 20 ปีแล้วคือ ประเทศสิงคโปร์และบรูไน ตั้งแต่เดือน มิ.ย.2003 กระทรวงต่างประเทศจีนประกาศให้หลังวันที่ 1 เดือน ก.ค.2003 เป็นต้นไป พลเมืองสิงคโปร์และบรูไนเข้าจีนระยะสั้นได้แบบไม่ต้องใช้วีซ่า โดยเฉพาะสิงคโปร์หลังจากการประกาศฟรีวีซ่าทำให้การเดินทาง การลงทุน และการค้าระหว่างจีนและสิงคโปร์เติบโตอย่างรวดเร็ว ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมาคนจีนแผ่นดินใหญ่ย้ายถิ่นฐาน โอนทรัพย์สิน เปลี่ยนสัญชาติเป็นสิงคโปร์มาก
ในช่วงปลายปี 2023 กระทรวงต่างประเทศจีนส่งสัญญาณให้สถานกงสุลจีนใน 100 กว่าประเทศทั่วโลก ยกเลิกระบบการจองล่วงหน้าเพื่อยื่นขอวีซ่า อีกทั้งหน่วยงานรัฐของจีนทั้ง 3 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีน กระทรวงต่างประเทศจีน และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติจีน ได้มีข้อตกลงและแนวทางร่วมกันที่จะลดกฎระเบียบและขั้นตอนการขอวีซ่าและการเดินทางเข้าประเทศจีน จุดประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการท่องเที่ยว
ดังนั้นจากประเด็นนี้เราจะเห็นได้ว่า จีนเริ่ม “ให้ความสำคัญที่ชัดเจน” กับเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและการลงทุนของต่างชาติ นั่นคืออีกความหวังการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนหลังโควิด-19 เพราะหากจะเอาแค่การหมุนเวียนกันภายในไม่เพียงพอ
ประเทศในอาเซียนเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวของชาวจีนตั้งแต่ก่อนโควิด-19 ในช่วงนี้มีข่าวด้านบวกอย่างต่อเนื่องเรื่องการฟรีวีซ่าระหว่างกัน ทำให้มีกระแสด้านบวกเรื่องการท่องเที่ยวอาเซียนในจีนแพร่ขยายอย่างรวดเร็ว เพราะศักยภาพและความต้องการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศของคนจีนยังมีอยู่ ทำให้ในช่วงนี้ในคนจีนมีความมั่นใจที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวอาเซียนมากขึ้นรวมถึงไทยด้วย กลายเป็นว่ากระแสลบก่อนหน้าเรื่องเที่ยวไทยไม่ปลอดภัยเพลาลงไปบ้างแล้ว
ประเทศในอาเซียนเริ่มรุกด้านมาตรการเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีน เช่น สิงคโปร์ ไทย และมาเลเซีย ดำเนินนโยบายปลอดวีซ่าให้จีน ทำแคมเปญท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งจะดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนมากขึ้น ตรงนี้ต้องบอกก่อนว่าเส้นทางการท่องเที่ยวในอาเซียนของคนจีนที่ฮิตฮอตมาก่อนโควิด-19 คือ การท่องเที่ยวรวด 3 ประเทศคือ สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย (新马泰:ซิน หม่า ไท่) ในรอบนี้ก็ปลุกกระแสการท่องเที่ยว 3 ประเทศรวดเช่นกัน
ในรอบนี้ข่าวด้านบวกอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการฟรีวีซ่าระหว่างกันของจีนและสิงคโปร์ มาเลเซียและไทย เป็นเวลาประจวบเหมาะกับช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีนในปี 2024 นี้ ทำให้คำสั่งซื้อตั๋วเดินทางขาออกไปสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทยเพิ่มขึ้นมากกว่า 15 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
โดยเฉพาะเมื่อข่าวการลงนามบันทึกข้อตกลงฟรีวีซ่าระหว่างกันของไทยจีนประกาศอย่างเป็นทางการ ความนิยมในการค้นหาคำค้นหา “เที่ยวไทย” บนแพลตฟอร์ม Ctrip เพิ่มขึ้นมากกว่า 7 เท่าเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า การจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรมในไทยเพิ่มขึ้นมากกว่า 6 เท่าเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าเช่นกัน คนจีนจากเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง กวางตุ้ง เจ้อเจียง เจียงซู เสฉวน ซานตง และคนจีนจากเมืองอื่นๆ ค้นหาประเทศไทยมากขึ้น จุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวชาวจีนค้นหามากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ เกาะสมุย และพัทยา
ด้านของไทยบนเว็บไซต์ Trip.com ความนิยมในการค้นหาคำหลักที่เกี่ยวข้องกับจีนเพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่าเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า โดยการค้นหาเมืองเซี่ยงไฮ้ เฉิงตู ฮาร์บิน เซินเจิ้น ปักกิ่ง เทียนจิน ฉงชิ่ง และจางเจียเจี้ย เป็นต้น เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวไทยค้นหามากที่สุด
จนถึงปัจจุบัน เทศกาลหยุดยาวตรุษจีน 2024 การจองตั๋วและโรงแรมของคนจีนที่จะเดินทางไปไทยเพิ่มขึ้นมากกว่า 13 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยชาวจีนจะเดินทางแบบเป็นครอบครัวไปไทยมากขึ้น คิดเป็นสัดส่วน 44% ผู้เดินทางที่เป็นผู้หญิงคิดเป็น 58% และกลุ่มผู้เดินทางที่เกิดหลัง 1980 หรือกลุ่มคนทำงานวัย 30-40 กว่าเดินทางไปไทยคิดเป็นสัดส่วน 47% และกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เกิดในยุค 1990 เป็นต้นไปหรือช่วงอายุ 20 ปลาย-30 ปี คิดเป็นสัดส่วน 33%
ลักษณะพิเศษของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปไทยในรอบนี้ จะเน้นการเดินทางกลุ่มเล็กและการเดินทางท่องเที่ยวอันซีน (unseen) นักท่องเที่ยวจีนยอมจ่ายเงินกับการกินอาหารอร่อยและสัมผัสกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น และหากดูจากกลุ่มอายุนักท่องเที่ยวเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ชนชั้นกลาง มีฐานะในระดับหนึ่ง
ฝั่งนักท่องเที่ยวชาวไทยเองมีความสนใจไปท่องเที่ยวจีนมากขึ้นด้วย นายฉินจิง รองประธานกลุ่ม Ctrip กล่าวว่า “การยกเว้นวีซ่าถาวรระหว่างจีนและไทย จะช่วยอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนจีนและไทยอย่างมาก จีนและไทยมีทรัพยากรการท่องเที่ยวมากมายส่งเสริมซึ่งกันและกันได้ จีนจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวน้ำแข็งและหิมะที่ใกล้ที่สุดสำหรับไทยด้วย
การยกเว้นวีซ่าถาวรจะส่งเสริมนักท่องเที่ยวชาวไทยที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวจีนตลอดไป และคาดว่าจะส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวลำดับต้นๆ ของจีนในปีนี้ อีกทั้งเส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยมเดิม 3 ประเทศอาเซียน สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย ได้ถูกจุดติดกระแสอีกครั้งและจะเป็นการเดินทางที่สะดวก อยากไปเมื่อไหร่ก็ไปได้ โดยรวมจะช่วยส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในจีนและตะวันออกเฉียงใต้อย่างมากเลยทีเดียว”
ต้องบอกว่าความพยายามดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนของทางการไทยที่ซบเซาไม่เป็นไปตามเป้า อาจจะมีความหวังที่จะใกล้เป้าหมายมากยิ่งขึ้น เพราะกระแสข่าวดีกลบข่าวด้านลบการท่องเที่ยวไทยไม่ปลอดภัยไปเยอะพอสมควร ส่วนของไทยได้รับการฟรีวีซ่าถาวรเข้าจีน ผู้เขียนมองว่าเป็นประโยชน์ต่อไทยอย่างมาก ก็แสดงให้เห็นถึงความจริงใจที่จีนมีต่อไทยในระดับหนึ่ง (ไม่ใช่ว่าไทยเราทุ่มให้จีนเพียงฝั่งเดียว) ด้านของจีนเองที่เร่งดำเนินนโยบายที่เปิดต่อต่างชาติมากขึ้น ทำให้เห็นว่าเรื่องเศรษฐกิจภาคการต่างประเทศของจีนเป็นเรื่องต้องแก้ไขเร่งด่วน จีนต้องการดึงความมั่นใจจากต่างชาติให้กลับมาให้เร็วที่สุดนั่นเอง