แอนต์กรุ๊ป (Ant Group) บริษัทเทคโนโลยีด้านการเงินยักษ์ใหญ่ของจีน เจ้าของอาลีเพย์ (Alipay) ในเครืออาลีบาบากรุ๊ปโฮลดิ้ง ฉวยโอกาสทองจากนโยบายฟรีวีซ่าแดนมังกร และกระแสการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลตรุษจีน ขยายการให้บริการอาลีเพย์พลัส (Alipay+) ในการชำระเงินดิจิทัลระหว่างประเทศ
เมื่อเร็วๆ นี้ อาลีเพย์พลัสได้ขยายการให้บริการชำระเงินข้ามประเทศผ่านโทรศัพท์มือถือทั่วเอเชีย และบางส่วนของยุโรป ครอบคลุมร้านค้ากว่าหนึ่งแสนแห่งในประเทศไทย และดูไบตามลำดับ รวมถึงแท็กซี่หนึ่งหมื่นคันในอิตาลี 12 ภูมิภาค จากการแถลงของแอนต์กรุ๊ปเมื่อวันอังคาร (30 ม.ค.)
อาลีเพย์พลัสได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กรับการชำระเงินจากนักเดินทาง ซึ่งใช้กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (อี วอลเล็ต) ที่มีอยู่แล้วในท้องถิ่นของตนเอง โดยขณะนี้รองรับอี วอลเล็ต และแอปธนาคารของพันธมิตร 25 แห่ง ครอบคลุมร้านค้ามากกว่า 88 ล้านแห่งใน 57 ตลาด
รัฐบาลจีนทยอยประกาศนโยบายฟรีวีซ่าอยู่หลายครั้ง เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวและธุรกิจในท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา โดยตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.- 30 พ.ย.2566 นักเดินทางจากฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สเปน และมาเลเซียสามารถอยู่ในประเทศจีนโดยไม่มีวีซ่าได้ 15 วัน
ต่อมา จีนและสิงคโปร์ยังประกาศนโยบายฟรีวีซ่าระหว่างกัน กล่าวคือตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ. ก่อนตรุษจีน 1 วัน อนุญาตให้พลเมืองแต่ละฝ่ายเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวและเดินทางไปทำธุรกิจโดยไม่ต้องขอวีซ่าเป็นเวลา 30 วัน โดยก่อนหน้านี้ไม่นานมาเลเซียและไทยได้ประกาศให้นักท่องเที่ยวชาวจีนสามารถอยู่ในประเทศโดยไม่มีวีซ่าได้นาน 30 วัน
มีการคาดการณ์กันว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนจะเดินทางไปต่างประเทศมากขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ใกล้เข้ามา ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 หลังจากจีนได้ยกเลิกมาตรการคุมเข้มโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขมีแนวโน้มต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจในประเทศจีน
สำหรับสถานการณ์ของแอนต์กรุ๊ปขณะนี้ดูเหมือนผ่อนคลายลงจากแรงกดดันด้านกฎระเบียบของทางการจีน หลังจากบริษัทได้ยกเลิกแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และฮ่องกงเมื่อปลายปี 2563 และปรับโครงสร้างองค์กรอยู่หลายครั้ง นอกจากนั้น แจ็ก หม่า ผู้ก่อตั้งบริษัทยอมลดสิทธิออกเสียงในอาลีเพย์ลงจากราวร้อยละ 53 เหลือราวร้อยละ 6 ทำให้ธนาคารกลางจีนออกมายืนยันเมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมาว่า อาลีเพย์แอปชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือของแอนต์กรุ๊ปไม่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของคนหนึ่งคนใดอีกต่อไปแล้ว ซึ่งเป็นความคืบหน้าอีกขั้นหนึ่งที่จะทำให้แอนต์กรุ๊ปสามารถกลับมาขายหุ้นไอพีโอได้ตามแผนการเดิม
ที่มา : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์