xs
xsm
sm
md
lg

ประมวลประเด็นและภาพ : นายกฯ ไทยหารือ รมว.ต่างประเทศจีน “หวัง อี้” ร่วมส่งเสริมหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศแห่งจีน นายหวัง อี้ จับมือทักทายนายกรัฐมนตรีไทย นายเศรษฐา ทวีสิน ที่ทำเนียบรัฐบาลในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 29 ม.ค.2567 (แฟ้มภาพจากรอยเตอร์) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศแห่งจีน นายหวัง อี้ และรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของไทย นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ระหว่างพิธีลงนามข้อตกลงยกเว้นการตรวจลงตรา หรือยกเว้นวีซ่าซึ่งกันและกันที่กระทรวงต่างประเทศในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 28 ม.ค.2567 (แฟ้มภาพจากรอยเตอร์)
นาย หวัง อี้ (H.E. Mr. Wang Yi) สมาชิกกรมการเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านกิจการต่างประเทศ พรรคคอมมิวนิสต์จีน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าเยี่ยมคารวะ นาย #เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในเช้าวันที่ 29 มกราคม 2567

โดยมีประเด็นความร่วมมือที่สำคัญๆ ดังต่อไปนี้

- ด้านการส่งเสริมสินค้าเกษตร มีการลงนามเอกสารเพื่อ #ส่งออกสินค้าเกษตรจากไทยไปจีน จำนวน 2 ฉบับ

- ด้านการค้าและการลงทุน ไทยยินดีที่วิสาหกิจและภาคเอกชนจีนมาลงทุนในไทยเป็นอันดับต้น โดยเฉพาะใน #อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (#EV) ไทยพร้อมส่งเสริมการเติบโตของบริษัทจีนเพื่อส่งออกสินค้าไปยังตลาดทั่วโลก ด้านนายหวัง อี้ เห็นพ้อง โดยจีนจะสนับสนุนเรื่องการพัฒนาศักยภาพ บุคลากรของไทย และถ่ายทอดเทคโนโลยีต่างๆ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศแห่งจีน นายหวัง อี้ และรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของไทย นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ระหว่างพิธีลงนามข้อตกลงยกเว้นการตรวจลงตรา หรือยกเว้นวีซ่าซึ่งกันและกันที่กระทรวงต่างประเทศในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 28 ม.ค.2567 (แฟ้มภาพจากรอยเตอร์)
- ด้านความสัมพันธ์ระดับประชาชนและการท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายยินดีกับ #การลงนามความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกัน สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาและหนังสือเดินทางกึ่งราชการ โดยนายกรัฐมนตรีไทยเน้นย้ำว่า ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีมาตรการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างรอบคอบมากขึ้น โดยเฉพาะ #นักท่องเที่ยวจีน

- ด้านโครงสร้างพื้นฐาน จีนเห็นถึงความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของ #โครงการแลนด์บริดจ์ (#Landbridge) ซึ่งจะหารือร่วมกับภาคเอกชนจีนที่สนใจและจะขอทราบรายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งนายกรัฐมนตรียินดีที่จะจัดโรดโชว์ และพร้อมให้คำแนะนำแก่ผู้ที่สนใจ โครงการแลนด์บริดจ์ ถือเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจและยังสามารถเป็นจุดเชื่อมโยงกับ #ยุทธศาสตร์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (#BRI) เชื่อมเอเชียไปยังภูมิภาคตะวันออกกลางและยุโรปได้ จึงอยากให้จีนมีส่วนร่วมในโครงการที่สำคัญนี้ ขณะที่ #โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน นายกรัฐมนตรีได้ยืนยันความตั้งใจของฝ่ายไทยในการเร่งก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง และการเชื่อมโยงระบบขนส่งทางรางไทย-ลาว-จีน

หวังอี้ กล่าวถึงจำเป็นที่จีนและไทยต้องเร่งการก่อสร้างเส้นทางรถไฟ ซี่งจะช่วยบรรลุการก่อสร้างส่วนหนึ่งของ #ทางรถไฟทรานส์เอเชีย (Trans-Asian railway) ส่งเสริมแนวคิดการรสร้างการเชื่อมโยง (connectivity) ระหว่างจีน ลาว และไทย

หวังอี้ กรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ร่วมการประชุมหารือประจำปีกับปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ณ กรุงเทพฯ วันที่ 28 ม.ค. 2024 (แฟ้มภาพซินหัว)
- ด้านการแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะหาแนวทางร่วมกันเพื่อรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่อย่างครอบคลุม โดยพร้อมร่วมมือกันในการสกัดกั้นและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้ง #ขบวนการหลอกลวงทางโทรศัพท์ (หรือ #แก๊งคอลเซ็นเตอร์) #การพนันออนไลน์ #การค้ามนุษย์ และ #ยาเสพติด ซึ่ง นายหวัง อี้ ยืนยันว่า ทางจีนให้ความสำคัญกับประเด็นดังกล่าว โดยพร้อมร่วมมือกับไทยอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา

- ด้านความร่วมมือระดับภูมิภาค ไทยเชื่อมั่นว่าจะเป็นตัวแทนในการรักษาเสถียรภาพ ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตให้ภูมิภาคนี้ได้ ซึ่งนายหวัง อี้ ยืนยันว่าจีนพร้อมสนับสนุนไทยในการเป็นประธาน #กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ในปี 2567 นี้ เพื่อสร้างผลประโยชน์ให้ประชาชาชนในภูมิภาค

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศแห่งจีน นายหวัง อี้ และรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของไทย นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ถ่ายภาพหมู่ระหว่างพิธีลงนามข้อตกลงยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกันที่กระทรวงต่างประเทศในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 28 ม.ค.2567 (แฟ้มภาพจากรอยเตอร์)
- ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือถึงการมอบสัญลักษณ์แห่งมิตรไมตรี  คือการส่งหมีแพนด้าในฐานะทูตสันถวไมตรีระหว่างจีนกับไทย มาประจำที่สวนสัตว์ที่เชียงใหม่อีกครั้ง โดยทางจีนได้ตอบรับแล้ว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศแห่งจีน นายหวัง อี้ และรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของไทย นายปานปรีย์ พหิทธานุกร เดินไปด้วยกันหลังพิธีลงนามข้อตกลงยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกันที่กระทรวงต่างประเทศในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 28 ม.ค.2567 (แฟ้มภาพจากรอยเตอร์)
ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ ทั้งสองฝ่ายได้มีการลงนามเอกสาร 2 ฉบับจากความร่วมมือของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แก่

1) พิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านมาตรการสุขอนามัยพืช สำหรับการส่งออกต้นสนใบพาย จากประเทศไทยไปประเทศจีน

2) ความตกลงเพื่อแก้ไขพิธีสารว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบ การกักกัน และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์เพื่อการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งและชิ้นส่วนสัตว์ปีกไทยไปจีน โดย ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย และนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เป็นผู้ลงนามฝ่ายจีน โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานสักขีพยานการลงนามพิธีสารดังกล่าว พร้อม นายหวัง อี้ และ นายจักรพงษ์ แสงมณี รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมด้วย

นายกฯ เศรษฐา ยังกล่าวว่า ด้วยปีหน้าจะครบ 50 ปี #การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทยและจีน ตนได้เรียนเชิญ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน มาเยือนประเทศไทยด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น