xs
xsm
sm
md
lg

รัฐมนตรีต่างประเทศจีนชี้จีนและไทยเตรียมเข้าสู่ “ยุคปลอดวีซ่า”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


(แฟ้มภาพซินหัว : หวังอี้ กรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ร่วมการประชุมหารือประจำปีกับปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ณ กรุงเทพฯ วันที่ 28 ม.ค. 2024 โดยทั้งคู่ได้ลงนามข้อตกลงว่าด้วยการยกเว้นวีซ่าระหว่างกันสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดา)
สำนักข่าวซินหัว - วันอาทิตย์ (28 ม.ค.) หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวว่า จีนและไทยกำลังจะเข้าสู่ “ยุคปลอดวีซ่า” อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.นี้ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายได้ลงนามข้อตกลงยกเว้นวีซ่าระหว่างกัน

หวังอี้กล่าวข้อความข้างต้นในการแถลงข่าวร่วมกันหลังมีการหารือประจำปีร่วมกับปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย โดยเสริมว่าการยกเว้นวีซ่าระหว่างกันนั้น จะผลักดันการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนสองประเทศไปสู่ระดับใหม่อย่างแน่นอน


หวังอี้ ผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน กล่าวว่า จีนมองว่าไทยมีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เสมอมา ในการสานสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศเพื่อนบ้าน

หวังอี้เสริมว่า จีนชื่นชมความมุ่งมั่นที่แน่วแน่ของไทยต่อหลักการจีนเดียว และการสนับสนุนอย่างแข็งขันของไทยต่อ ข้อริเริ่มเพื่อการพัฒนาโลก (Global Development Initiative) แผนริเริ่มความมั่นคงโลก (Global Security Initiative) และ แผนริเริ่มอารยธรรมระดับโลก (Global Civilization Initiative)


(แฟ้มภาพซินหัว : หวังอี้ กรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ร่วมการประชุมหารือประจำปีกับปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ณ กรุงเทพฯ วันที่ 28 ม.ค. 2024)
หวังอี้กล่าวว่า ปีหน้าเป็นวาระครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย โดยครึ่งศตวรรษที่ผ่านมานั้นความสัมพันธ์ทวิภาคีของสองประเทศได้ก้าวผ่านบททดสอบของภูมิทัศน์ระหว่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และยิ่งแน่นแฟ้นขึ้นทุกวัน

ด้านปานปรีย์ กล่าวว่า ไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อสถานะหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านระหว่างไทยกับจีน รวมถึงการกระชับความร่วมมือฉันมิตรกับจีน เพราะไม่เพียงสอดคล้องกับผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ แต่ยังสำคัญต่อสันติภาพและเสถียรภาพของโลกด้วย โดยไทยยึดมั่นในหลักการจีนเดียว และไม่มีการแลกเปลี่ยนระดับทางการใดๆ กับไต้หวัน



กำลังโหลดความคิดเห็น