โดย ร่มฉัตร จันทรานุกูล
ท่านผู้อ่านหลายคนที่สนใจเรื่องจีนอาจจะอยากทราบถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าจีนเป็นอย่างไรหลังการปลดล็อกมาตรการควบคุมการแพร่เชื้อโควิด-19 เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่ใหญ่ มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย มีประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรมที่ยาวนาน ทำให้จีนกลายเป็นหนึ่งประเทศที่ดึงดูดชาวต่างชาติให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจำนวนมาก ในด้านของไทยเองตั้งแต่ก่อนโควิด-19 นักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางมาเที่ยวจีนมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี หลังโควิด-19 ที่จีนเปิดประเทศมีนักท่องเที่ยวไทยหลายท่านได้มีโอกาสเดินทางมาเที่ยวจีนแล้ว และมีอีกหลายท่านที่มีแผนจะเดินทางมาเที่ยวจีนในเร็วๆ นี้
หลังการเปิดประเทศของจีนหลังโควิด-19 การเดินทางระหว่างประเทศของจีนกลับมาฟื้นฟูเหมือนเดิมอีกครั้ง หลายคนอาจจะคิดว่าการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติในจีนน่าจะฟื้นตัวกลับมาเช่นกัน แต่ความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ มีรายงานข่าวล่าสุดที่ว่า “นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวจีนลดลง 97 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับปี 2019” โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติขาเข้าในจีนในครึ่งแรกของปีนี้ไม่ถึง 5 ล้านคน น้อยกว่าช่วงก่อนโควิดระบาดอยู่มาก ที่ในช่วงนั้นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาจีนอยู่ระดับหลายสิบล้านคนต่อปี
ทำให้จีนเริ่มตระหนักว่าชาวต่างชาติที่เลือกจะเดินทางมาเที่ยวจีนมีจำนวนน้อยลงอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าหลังจากที่จีนเปิดประเทศหลังโควิด-19 เราจะได้เห็นการประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานรัฐจีนในท้องที่ต่างๆ อยู่บ่อยๆ ว่าจะกระตุ้นการท่องเที่ยวขาเข้าประเทศ จะต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น แต่ดูเหมือนว่าความคึกคักของนักท่องเที่ยวต่างชาติในจีนยังไม่กลับมา ดูเหมือนว่านโยบายต่างๆ “เน้นประกาศมากกว่าที่จะลงมือทำอย่างจริงจัง”
อย่างที่หลายท่านทราบดีว่าปัจจุบันคนจีนหันมาท่องเที่ยวในประเทศกันมากขึ้น (อาจจะทำให้รัฐบาลยังไม่กระตือรือร้นกระตุ้นการท่องเที่ยวจากต่างชาตินัก) เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ประชาชนต้องรัดเข็มขัดมากขึ้นและยังมีประเด็นเรื่องข่าวความปลอดภัยของชาวจีนในต่างประเทศที่ทำให้คนจีนหลายคนเป็นกังวลและไม่กล้าออกเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ทำให้เทศกาลวันหยุดยาวในจีนช่วงหลังโควิด-19 คนจีนเดินทางท่องเที่ยวในประเทศกันหนาแน่นในทุกเมืองท่องเที่ยว ตั๋วรถไฟต้องแย่งกันจองล่วงหน้า เป็นต้น ดังนั้นในสภาวการณ์ปัจจุบันการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในประเทศจีนเป็นไปด้วยดี ฟื้นตัวเร็ว แต่ความน่าดึงดูดของการท่องเที่ยวจีนในสายตาชาวต่างชาติลดน้อยถอยลง!
มีการวิเคราะห์ถึงสาเหตุความซบเซาของการท่องเที่ยวของชาวต่างชาติในจีน เกิดจากปัจจัยดังต่อไปนี้
- ความซบเซาเศรษฐกิจประเทศพัฒนาแล้วทำให้ประชาชนลดการใช้จ่ายและการเดินทาง ต้นทุนการเดินทางระหว่างประเทศก็สูงขึ้น เช่น เที่ยวบินจากยุโรปและอเมริกาเดินทางมาจีนสายการบินอาจจะต้องเปลี่ยนเส้นทางการบิน เนื่องจากสถานการณ์สงครามและมีหลายประเทศควบคุมน่านฟ้า ทำให้การนั่งเครื่องโดยสารมาจีนอาจจะต้องเปลี่ยนเส้นทาง บินอ้อมใช้เวลานานขึ้น ต้นทุนสูงขึ้น ค่าตั๋วแพงขึ้น
- เกมการเมืองระหว่างสองมหาอำนาจจีนและสหรัฐอเมริกา จีนได้รับผลกระทบจากสหรัฐฯเรื่องการคว่ำบาตรด้านเทคโนโลยีและเศรษฐกิจด้วยวิธีต่างๆ ตรงนี้กระทบไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย ทำให้ประชาชนจากหลายประเทศพัฒนาแล้วเลี่ยงที่จะเดินทางมาเที่ยวจีน แต่เลือกเดินทางไปเที่ยวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กันมากขึ้น
- จีนยังขาดโครงสร้างพื้นฐานที่สนับสนุนและดึงดูดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาเที่ยว ภาคบริการด้านการท่องเที่ยวของจีนหลายแห่งไม่รองรับให้บริการชาวต่างชาติ อย่างเช่น 72 เปอร์เซ็นต์ ของโรงแรมที่เปิดให้จองบน Ctrip.com ไม่สามารถรองรับแขกผู้เข้าพักที่เป็นต่างชาติได้! หรือการใช้จ่ายในจีนที่ต้องใช้แอปอาลีเพย์ หรือวีแชท มีขั้นตอนยืนยันตัวตนที่ยุ่งยากซับซ้อนและต้องผูกกับบัตรธนาคารถึงจะนำไปสแกนใช้จ่ายได้ (ปัจจุบันได้อัปเกรดแอปให้สามารถผูกกับบัตรธนาคารต่างประเทศได้แล้ว) ร้านค้าส่วนใหญ่ในจีนไม่รับรองบัตรเครดิตต่างประเทศ บางร้านค้าไม่รับเงินสด สถานที่ท่องเที่ยวดังของจีนหลายแห่งในปัจจุบันต้องมีการจองบัตรเข้าล่วงหน้าผ่าน Mini program ต้องลงทะเบียนผูกหมายเลขโทรศัพท์จีนหรือต้องใช้บัตรประชาชน ไม่รองรับพาสปอร์ต ทั้งหมดทั้งมวลเป็นอุปสรรคของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำให้ด้านการบริการนักท่องเที่ยวต่างชาติมีประสบการณ์การท่องเที่ยวในจีนที่ไม่ค่อยดีนัก
- ความยุ่งยากของวีซ่าท่องเที่ยวจีน การกรอกข้อมูลออนไลน์เพื่อขอวีซ่าท่องเที่ยวจีนมีประมาณ 16 หน้ากระดาษ บางคนเจอข้อมูลที่ต้องกรอกมากขนาดนี้ก็ล้มเลิกความตั้งใจ ในกระบวนการขอวีซ่าต้องมีตั๋ว+ขาไปและขากลับ มีหลักฐานยืนยันการจองโรงแรมที่พักมากกว่า 3 คืนขึ้นไปและหรือต้องมีเอกสารอื่นๆ อีกเพื่อประกอบการพิจารณา นอกจากนี้อาจจะยังต้องมีหน่วยงานหรือคนจีนมาช่วยการันตีด้วย เป็นต้น
ในประเด็นของการเข้าพักโรงแรมในจีน ผู้เขียนขอแชร์ประสบการณ์ตรงของตัวเอง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว ผู้เขียนได้เดินทางไปเที่ยวเมืองเวยไห่ (Weihai) มณฑลซานตง โดยก่อนไปผู้เขียนได้จองที่พักทางออนไลน์ไปล่วงหน้าปกติ แต่เมื่อไปถึงโรงแรมเจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่สามารถรับแขกต่างชาติได้ และคืนเงินให้ผู้เขียน เจ้าหน้าที่โรงแรมบอกให้ผู้เขียนเดินทางไปที่สถานีตำรวจในเขตนั้นเพื่อสอบถามว่ามีโรงแรมไหนบ้างที่รองรับชาวต่างชาติให้เข้าพักได้ ผู้เขียนเลยจำเป็นต้องเรียกแท็กซี่ไปที่สถานีตำรวจ และพอไปถึงสถานีตำรวจต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจเช็กข้อมูลร่วม 2 ชั่วโมง แล้วบอกให้ผู้เขียนไปเข้าพักในโรงแรมที่เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุมา สรุปกว่าผู้เขียนจะได้ที่พักก็ทุลักทุเลกันพอสมควรและไม่ได้พักในโรงแรมที่ตัวเองอยากพัก ทำให้ผู้เขียนอดคิดไม่ได้ว่าหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับชาวต่างชาติที่สื่อสารภาษาจีนไม่ได้จะเป็นอย่างไรกัน และนี่เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของความยุ่งยากของชาวต่างชาติในจีนเท่านั้น เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้เขียนทราบว่าไม่ใช่ทุกโรงแรมในจีนที่ต่างชาติจะเข้าพักได้ โรงแรมที่ต่างชาติเข้าพักได้ต้องผ่านการอนุมัติจากฝ่ายความมั่นคงจีนแล้วเท่านั้น ดังนั้น ท่านที่จะมาเที่ยวจีนเองต้องเช็กกับทางโรมแรมให้ชัวร์ว่ารับแขกต่างชาติได้หรือไม่อย่างไร
ในด้านข้อมูลจากสำนักงานสถิติเทศบาลกรุงปักกิ่งแสดงให้เห็นว่าครึ่งปีแรกของปีนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าในกรุงปักกิ่งมีจำนวน 407,900 คน ไม่ถึง 11 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปักกิ่งเมื่อปี 2019 ในบรรดานักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาปักกิ่ง ส่วนใหญ่มาจากฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน มีสัดส่วน 21.4 เปอร์เซ็นต์ ส่วนนักท่องเที่ยวประเทศอื่นๆ เช่น สหรัฐฯ รัสเซีย เยอรมนี สหราชอาณาจักร มองโกเลีย และญี่ปุ่น ก็เป็นชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาปักกิ่งในสัดส่วนรองลงมา
ในด้านเมืองเซี่ยงไฮ้เมืองที่มีชาวต่างชาติกระจุกตัวพักอาศัยและเป็นเป้าหมายปลายทางการท่องเที่ยวมากที่สุดเมืองหนึ่งในจีน ครึ่งแรกของปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าเซี่ยงไฮ้มีอยู่ประมาณ 1.2 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนเพียง 13.8 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในเซี่ยงไฮ้ปี 2019
จากรายงานเพิ่มเติมจากกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีนระบุว่า “ในไตรมาสแรกของปีนี้ เอเยนซีนำเที่ยวที่นำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวจีนมีเพียง 52,000 คนเท่านั้น ตัวเลขห่างจากปี 2019 ไตรมาสแรกเป็นอย่างมาก ที่ขณะนั้นมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวกับทัวร์สูงถึง 3.7 ล้านคน”
และมีข้อมูลล่าสุดที่มาจากสื่อออนไลน์จีน ‘ไฉจิง’ (Caijing) แสดงให้เห็นว่าในเดือน ก.ค.ของปีนี้กลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ ที่เดินทางไปเที่ยวจีนแผ่นดินใหญ่ มากที่สุด 5 ประเทศแรก ได้แก่ ฮ่องกง มาเก๊า ไทย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ จะเห็นได้ว่าไทยเราเป็นหนึ่งใน 5 กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในจีนมากที่สุดใน 5 อันดับแรกหลังโควิด-19 นับเป็นสัญญาณที่ดี การไปมาหาสู่ระหว่างประชาชนทั้ง 2 ประเทศเริ่มคึกคักมากขึ้น การเดินทางไปท่องเที่ยวของคนจีนในไทยอาจจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากนโยบายฟรีวีซ่าในปัจจุบัน
มีคำกล่าวขานถึงการท่องเที่ยวจีน กล่าวไว้อย่างกระชับได้ใจความว่า “ขาออกคึกคัก แต่ขาเข้าซบเซา” ซึ่งรัฐบาลจีนมีเป้าหมายในระยะยาวในการกระตุ้นการท่องเที่ยวขาเข้าประเทศของต่างชาติให้กลับมาคึกคักดังเดิม เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าการท่องเที่ยวเป็นอีกหนึ่งส่วนที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาคบริการในประเทศ จีนเองยังคงต้องปรับปรุงคุณภาพการบริการของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ให้ไปสู่ระดับสากล มุ่งเน้นการสร้างอัตลักษณ์ของการท่องเที่ยวในเมืองต่างๆ ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ส่งเสริมการสื่อสารระหว่างประเทศอย่างสร้างสรรค์ อัปเกรดระบบแอปพลิเคชันและซอฟต์แวร์ต่างๆ ให้รองรับกับผู้ใช้ชาวต่างชาติเพื่อความสะดวกสบายและการพัฒนาการท่องเที่ยวขาเข้าอย่างยั่งยืน งานนี้นับว่าเป็นงานที่ท้าทายงานหนึ่งของรัฐบาลจีนในการนำพาระบบการบริการของประเทศเข้าสู่มาตรฐานสากล