เครื่องไอโฟน15 เพิ่งวางจำหน่ายไปหมาดๆ เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา แต่ก็มีข้อมูลล่าสุดออกมาแล้วว่า ไอโฟนรุ่นใหม่จากแอปเปิลบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของสหรัฐฯ ไม่อาจมัดใจผู้บริโภคจีนอยู่หมัด
ข้อมูลของบริษัทวิจัยการตลาด GfK ระบุว่า ยอดขายบนแดนมังกรในเดือนที่วางจำหน่ายนั้นต่ำกว่ายอดขายเครื่องไอโฟน 14 ซึ่งแอปเปิลเปิดตัวเมื่อปีที่แล้วในเดือนเดียวกัน 6%
แม้เครื่องไอโฟน15 มีฟีเจอร์ใหม่น่าสนใจ เช่น ตัวเครื่องที่เบาและทนทานกว่าเดิมเพราะหันมาใช้วัสดุไทเทเนียม หรือมีปุ่มแอ็กชัน (action button) ที่ครองใจสาวกแอปเปิล เพราะสามารถใช้ปุ่มนี้ทำได้ทุกอย่างตั้งแต่เปิดล็อกรถยนต์ไปจนถึงสั่งกาแฟลาเต้มาดื่ม
แต่ขณะนี้ในโลกโซเชียลเมืองจีนเริ่มวิจารณ์กันสนั่น โดยจนถึงเมื่อวันที่ 31 ต.ค.หัวข้อการพูดคุยเกี่ยวกับเครื่องไอโฟน15 มียอดเข้าชมกว่า 100 ล้านครั้งบนแพลตฟอร์มเว่ยปั๋ว
สาวกบางคนพูดถึงไอโฟน15 ว่า น่าผิดหวังอย่างไม่น่าเชื่อ
บางคนวิจารณ์ว่า ราคาแพงและไม่มีฟีเจอร์ใหม่ๆ เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนคู่แข่ง
อีกหลายคนมีการเปรียบเทียบกับของบริษัทจีน เช่น Mate60Pro สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด ซึ่งหัวเว่ยวางจำหน่ายก่อนหน้าไอโฟน15 หลายสัปดาห์ และทำยอดขายสูงเป็นประวัติการณ์เกือบ 1 ล้าน 5 แสนเครื่องในเดือนที่วางจำหน่าย GfK ระบุว่ามากกว่า 2 เท่าจากเมื่อหนึ่งปีก่อน แม้หัวเว่ยเผชิญข้อจำกัดเกี่ยวกับชิปการผลิตก็ตาม และนี่เป็นสัญญาณเตือนว่า แอปเปิลกำลังสูญเสียลูกค้าชาวจีนให้หัวเว่ย
“ไม่ใช่ว่าหัวเว่ยจะเลอเลิศอะไร มันคือว่าแอปเปิลด้อยกว่าน่ะ สมมติถ้าเป็นคุณนะ คุณจะอัปเกรดไปใช้ไอโฟน15 เพราะได้ช่องชาร์จแบต USB-C แค่นั้นหรือ” ข้อความหนึ่งในเว่ยปั๋ว
“นอกเหนือจากซอฟต์แวร์ของแอปเปิลแล้ว อย่างอื่นแย่ลง ราคาก็แพงขึ้นมาก ตอนนี้ถ้าไม่ดีกว่าแอปเปิล แต่หัวเว่ย เสี่ยวหมี่ และออปโป้ก็จัดว่าดีไม่แพ้กัน” อีกคนระบุและเสริมว่า
“ขนาดมือถือ Xiaomi Redmi K20 Pro ของฉันใช้งานมา 5 ปี ยังทำงานได้ดีอยู่เลย ไม่ติดขัด เวลาไปข้างนอกก็ไม่ต้องเอาแบตเตอรี่พกพาไปด้วย คุณทำยังไงกับมือถือแอปเปิลของคุณล่ะ”
แม้บางคนชื่นชมการออกแบบระบบปฏิบัติการไอโอเอสของแอปเปิล ซึ่งสามารถใช้งานได้ง่าย แต่ก็วิจารณ์ว่าไร้นวัตกรรมใหม่ๆ ในเครื่องไอโฟน 15 ซึ่งแทบไม่แตกต่างจากเครื่องไอโฟน13 เช่น มีอัตราการรีเฟรชหน้าจอ ( refresh rate ) เหมือนกัน จึงไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องใหม่
ผู้ใช้เว่ยปั๋วคนหนึ่งยังบอกว่า แอปเปิลทำกำไรมหาศาลจากการขายไอโฟน การซื้อไอโฟนจึงเท่ากับการมอบเงินสดให้ชาวอเมริกัน
ทั้งนี้ จีนเป็นตลาดสมาร์ทโฟนใหญ่สุดในโลก โดยรายได้ราว 20% ของแอปเปิลมาจากที่นี่ มากเป็นอันดับ 2 รองจากตลาดสหรัฐฯ นอกจากนั้น เครื่องไอโฟนทั้งหมดก็ผลิตในจีนผ่านบริษัทรับจ้างผลิต เช่น ฟ็อกซ์คอนน์เทคโนโลยีกรุ๊ป จึงทำให้แอปเปิลตกอยู่ในความเสี่ยงท่ามกลางแรงกดดันจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ที่ทวีความตึงเครียดขณะนี้
อ้างอิงข้อมูล : บิสซิเนสอินไซเดอร์/บลูมเบิร์ก