สื่อตะวันตกรายงานข่าวการถึงแก่อสัญกรรมกะทันหันด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลันของอดีตนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง วัย 68 ปี ว่า สร้างความตกตะลึงให้ผู้คนจำนวนมากในจีน นักวิเคราะห์บางคนชี้อาจถึงขั้นเกิดการประท้วง
แฮชแท็กที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเว่ยปั๋วมีผู้เข้าชมมากกว่า 1 พันล้านครั้งในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง และในโพสต์เกี่ยวกับนายหลี่ ปุ่ม “like” เปลี่ยนเป็นรูปดอกเบญจมาศ ซึ่งเป็นดอกไม้สำหรับงานศพในประเทศจีน ชาวเน็ตมากมายเข้าไปแสดงความคิดเห็นโดยระบุว่า “หลับให้สบาย” (rest in peace) บางคนบอกว่า ไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง
ขณะที่นักวิเคราะห์ออกมาแสดงความคิดเห็นกันไปต่างๆ เช่น
เหวินตี้สุง (WEN-TI SUNG) นักรัฐศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลียระบุว่า การจากไปอย่างกะทันหันของนายหลี่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจอย่างแน่นอน เพราะเขาอายุเพียง 68 ปี ผู้นำระดับสูงของจีนมีอายุยืนกันทั้งนั้น นายกรัฐมนตรีก่อนหน้านายหลี่ 2 คนก็ยังมีชีวิตอยู่ คือนายจู หรงจี (95 ปี) และนายเวิน จยาเป่า (81 ปี)
ริชาร์ด แม็กเกรเกอร์ นักวิจัยอาวุโสของสถาบันโลวีในนครซิดนีย์มองว่า เป็นเรื่องช็อก เพราะเมื่อเทียบเคียงกันแล้ว นายหลี่จัดว่ายังอายุน้อยในระบบการเมืองของจีน ซึ่งให้การดูแลสุขภาพของบรรดาผู้นำอย่างดีที่สุด
ฉงจาเอี้ยน (CHONG JA IAN) นักรัฐศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ว่า การเสียชีวิตของอดีตนายกรัฐมนตรีผู้นี้อาจนำไปสู่การประท้วง เพราะขณะนี้เกิดการสงสัยคาดเดากันมากเกี่ยวกับสาเหตุการตาย ซึ่งสะท้อนถึงความไม่พอใจของประชาชนต่อผู้นำระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์ที่ไม่มีการอธิบายให้กระจ่าง ดังเช่นกรณีการปลดรัฐมนตรีกลาโหม หรือรัฐมนตรีต่างประเทศเมื่อเร็วๆ นี้
ตามรายงานของเอพี นายหลี่ คุมงานด้านเศรษฐกิจของจีนมานานหนึ่งทศวรรษ ช่วยนำทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลกผ่านปัญหาท้าทายต่างๆ เช่น ความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ และโรคโควิด-19 แพร่ระบาด อดีตนายกรัฐมนตรีผู้นี้เป็นที่รู้จักกันดีว่าให้การสนับสนุนภาคธุรกิจเอกชน โดยสัญญาว่าจะปฏิรูปเศรษฐกิจโดยมุ่งเน้นตลาด แต่ถูกประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มองข้ามความสำคัญ จึงไร้เพาเวอร์ในการผลักดันการปฏิรูปให้เป็นผลสำเร็จ โดยสี จิ้นผิงมุ่งเน้นงานด้านความมั่นคงและการทหารเพื่อช่วยให้ชาติจีน “กลับมารุ่งเรือง”
นายหลี่ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 2 สมัยระหว่างปี 2556-2566 ถือเป็นผู้นำหมายเลข 2 รองจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จัดเป็นนักการเมืองรุ่นที่ได้รับการศึกษาในช่วงที่จีนมีการเปิดกว้างให้แนวคิดเสรีนิยมตะวันตกมากขึ้น เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์และปริญญาโทด้านนิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง พูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว
เคยมีการมองกันว่า นายหลี่คือผู้ที่นายหู จิ่นเทา อดีตผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนต้องการให้สืบทอดตำแหน่งประธานาธิบดีต่อจากเขาเมื่อ 10 ปีก่อน แต่ด้วยความจำเป็นที่ต้องสร้างสมดุลอำนาจภายในพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่แบ่งเป็นฝักฝ่าย ตำแหน่งนี้จึงไปตกแก่สี จิ้นผิง บุตรชายของอดีตรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน
ที่มา : เอพี/รอยเตอร์