นายฮุย คายัน หรือสี่ว์ จยาอิ้น ประธาน “ไชน่าเอเวอร์แกรนด์กรุ๊ป” ตกอยู่ในห้วงเวลาแห่งความวิบากอีกครั้ง เพราะนอกจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ที่เขาก่อตั้งมากับมือจะล้มละลายแล้ว ล่าสุด เขายังสูญเสียสถานะมหาเศรษฐีพันล้านไปอีกด้วย
นายฮุย วัย 64 ปี ฝ่าฟันชีวิตยากจนข้นแค้น จนสามารถก่อตั้งบริษัทเอเวอร์แกรนด์ได้สำเร็จในปี 2539 แต่โชคชะตาพลิกผัน เขาถูกตำรวจจีนควบคุมตัวเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมานี้เอง ฐานต้องสงสัยว่ากระทำผิดทางอาญาเกี่ยวข้องกับปัญหาทางการเงินของเอเวอร์แกรนด์ (กรณีถ่ายโอนทรัพย์สินไปต่างประเทศ)
เอเวอร์แกรนด์ ซึ่งเคยเป็นอาณาจักรแห่งโครงการก่อสร้างบ้านกว่า 700 โครงการใน 240 เมืองในจีน มีหนี้สินล้นพ้นตัวจนต้องผิดนัดชำระหนี้เมือเดือน ธ.ค.2564 ซึ่งจุดชนวนให้เกิดวิกฤตอสังหาฯ บนแดนมังกรมาจนถึงขณะนี้ ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติพากันวิตกเกี่ยวกับเสถียรภาพของเศรษฐกิจจีนซึ่งมีขนาดใหญ่อันดับ 2 ในโลก
ปัจจุบัน ไชน่าเอเวอร์แกรนด์เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ที่มีหนี้สินพะรุงพะรังที่สุดในโลกกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ จนในที่สุดบริษัทต้องยื่นคำร้องต่อศาลสหรัฐฯ เพื่อขอพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 15 ของกฎหมายล้มละลายเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา
นอกจากนั้น ยังถูกทางการระงับการซื้อขายหุ้นจดทะเบียนในตลาดฮ่องกงเป็นเวลา 17 เดือน จนกลับมาซื้อขายได้อีกครั้งเมื่อเดือน ส.ค. แต่ก็ถูกระงับชั่วคราวอีกเมื่อเดือนที่แล้ว
หุ้นของเอเวอแกรนด์สูญเสียมูลค่าไปราว 99% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้การประเมินมูลค่าของบริษัทหดหายไปหลายพันล้านดอลลาร์ และนับตั้งแต่เริ่มการซื้อขายอีกครั้งเมื่อ 2 เดือนก่อน หุ้นดิ่งลง 86%
ครั้งหนึ่งนายฮุย เคยเป็นบุคคลที่ร่ำรวยมากที่สุดอันดับ 2 ของเอเชีย โดยมีทรัพย์สินส่วนตัวมากถึง 42,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2560 อย่างไรก็ตาม จากดัชนีมหาเศรษฐีพันล้านของบลูมเบิร์ก ซึ่งติดตามความมั่งคั่งแบบเรียลไทม์ของบรรดาบุคคลผู้ร่ำรวยที่สุดในโลกพบว่า ขณะนี้นายฮุย มีทรัพย์สินสุทธิเหลือแค่ 979 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่า ทรัพย์สินของเขาหดหายไปถึง 98% ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา
ทรัพย์สินที่ร่อยหรอของนายฮุย คงทำให้บรรดาเจ้าหนี้ใจฟูขึ้นมาบ้าง โดยรัฐบาลจีนยืนกรานให้นายฮุย ขายทรัพย์สินส่วนตัวเพื่อชำระหนี้ของเอเวอร์แกรนด์บางส่วน และเขาได้ทยอยขายออกไปแล้ว ซึ่งรวมทั้งคฤหาสน์ในกรุงลอนดอน มูลค่า 227 ล้านดอลลาร์ และวิลล่าในฮ่องกง มูลค่า 112 ล้านดอลลาร์
อ้างอิงข้อมูล : ฟอร์จูน