จีนจดสิทธิบัตรนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) นำห่างสหรัฐอเมริกาทุกที ตอกย้ำพญามังกรมุ่งมั่นสร้างและมีอิทธิพลด้านเทคโนโลยีเอไอ ซึ่งอาจส่งผลกระทบวงกว้างต่อเศรษฐกิจของบรรดาชาติร่ำรวยที่สุดในโลกเข้าสักวัน
จากข้อมูลขององค์การทรัพย์ทางปัญญาโลก (WIPO) สถาบันต่างๆ ของจีนมีการยื่นจดสิทธิบัตรที่เกี่ยวกับเอไอ จำนวน 29,853 รายการในปี 2565 เพิ่มจาก 29,000 รายการในปี 2564 และมากกว่าสหรัฐฯ ถึงเกือบร้อยละ 80 โดยการยื่นจดสิทธิบัตรเอไอของสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 5.5 ขณะที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้มีการยื่นเมื่อคิดรวมกันแล้วแค่ 16,700 รายการ
เมื่อดูในภาพรวมการยื่นจดสิทธิบัตรเอไอทั่วโลกเมื่อปีที่แล้วพบว่า จีนครองสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 40
การยื่นจดสิทธิบัตรเอไออย่างมากมายนี้สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลจีนกำลังผลักดันให้บรรดาบริษัทและสถาบันบนแดนมังกรเร่งรุดพัฒนาเพื่อสร้างความได้เปรียบในด้านต่างๆ เช่น การผลิตชิป การสำรวจอวกาศ และวิทยาศาสตร์การทหาร โดยประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เพิ่งประกาศเมื่อไม่นานให้ทั่วประเทศเร่งการวิจัยขั้นพื้นฐาน เพื่อรับมือสหรัฐฯ ที่พยายามขัดขวางไม่ให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง ประกาศิตของผู้นำจีนทำให้บริษัทจีนทุ่มการลงทุนอย่างล้มหลามในด้านเอไอและคอมพิวเตอร์ควอนตัม
ขณะนี้กำลังมีการร่วมวงแข่งขันกันระหว่างบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ได้แก่ ไป่ตู้ อาลีบาบากรุ๊ป และเทนเซ็นต์ รวมทั้งบริษัทสตาร์ทอัปอย่างไป่ชวน และจื้อผู่ เพื่อพัฒนาแชตบอตเอไอสู้กับแชตจีพีทีของบริษัทโอเพนเอไอในอเมริกา
นักวิชาการซึ่งใกล้ชิดกับกับผู้มีอำนาจตัดสินใจในกรุงปักกิ่งระบุว่า การสร้างคลังสรรพาวุธสิทธิบัตรเป็นการต่อสู้กับการกีดกันของสหรัฐฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดวิธีหนึ่ง
แม้การยื่นจดสิทธิบัตรบางรายการไม่ได้ส่งผลให้เกิดการประดิษฐ์ในโลกแห่งความเป็นจริง แต่บริษัทหลายรายของจีน เช่น หัวเว่ยเทคโนโลยีส์ ได้สร้างนวัตกรรมชั้นนำมาแล้ว เช่น ระบบโครงข่ายซูเปอร์คอมพิวเตอร์ และระบบการจดจำรูปภาพ
จำนวนการยื่นจดสิทธิบัตรเอไอของจีนแซงหน้าสหรัฐฯ มาตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทแดนมังกรเหยียบคันเร่งนำอัลกอริทึมหรือชุดลำดับคำสั่งของคอมพิวเตอร์มาใช้ในหลากหลายธุรกิจ ตั้งแต่การเรียกรถ ไปจนถึงการซื้อของออนไลน์
ที่มา : บลูมเบิร์ก
