โดย ร่มฉัตร จันทรานุกูล
ในบทความนี้ผู้เขียนอยากบอกเล่าประเด็นที่ได้รับความสนใจในจีนเพราะถือเป็นประเด็นใหญ่และเกี่ยวข้องกับเรื่องปากท้องประชาชน ที่สำคัญคือโยงใยไปถึง “ความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล” ประเด็นที่ว่านี้คือสถานการณ์การเงินของรัฐบาลท้องถิ่นจีนหลายแห่งที่ตึงมือ รายรับลดลงจากสภาวะเศรษฐกิจถดถอย วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ที่เมืองชั้นรองดิ่งลงแรงเจ็บแรงมากกว่าเมืองชั้นหนึ่ง ทำให้รัฐบาลท้องถิ่นในหลายเมืองเกิดปัญหาการเงิน จนถึงขนาดมีไม่เพียงพอจ่ายเงินเดือนให้เจ้าหน้าที่รัฐในท้องถิ่น
นี่คือประเด็นสำคัญที่น่าจับตาเพราะสะท้อนถึงสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศจีนที่แท้จริง หากไม่ได้รับการแก้ไขทันท่วงทีปัญหาทั้งหมดนี้จะเป็นความเสี่ยง เป็นระเบิดเวลาที่อาจจะรุนแรงจนเกิดการปะทุได้ในสักวันหนึ่ง
จากตัวเลขของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนระบุว่า ในปี 2022 ตัวเลขเงินคงคลังของรัฐบาลท้องถิ่นทั่วประเทศติดลบ 1.8 ล้านล้านหยวน คิดเป็น 2.8% ของ GDP และในครึ่งปีแรกของปีนี้ตัวเลขเงินคงคลังของรัฐบาลท้องถิ่นทั่วประเทศติดลบไปแล้วกว่า 1.2 ล้านล้านหยวน คิดเป็น 3.1% ของ GDP! หากดูจากแนวโน้มในปีนี้ทั้งปีเงินคงคลังของรัฐบาลท้องถิ่นจีนน่าจะติดลบมากกว่าปีที่แล้ว มองลึกเข้าไปในแง่ค่าใช้จ่ายของรัฐบาลท้องถิ่นในปี 2022 ส่วนใหญ่มีการใช้จ่ายไปกับด้านการศึกษา เทคโนโลยี วัฒนธรรม การกีฬาและด้านการสาธารณสุขมากกว่า 57.6% และในครึ่งปีแรกของปีนี้การใช้จ่ายด้านดังกล่าวของรัฐบาลท้องถิ่นเพิ่มขึ้นไปอีก คิดเป็น 58.4%
สำหรับปัญหาการเงินของรัฐบาลท้องถิ่นจีนมีต้นเหตุมาจากปัจจัยต่อไปนี้
-โครงสร้างรายได้ของรัฐบาลท้องถิ่นไม่เข้มแข็งพอ ที่ผ่านมารายได้จากการจัดเก็บภาษีมีน้อยมากแต่รายได้ส่วนใหญ่มาจากการปล่อยเช่าที่ดินให้บริษัทเอาไปพัฒนาต่อมีสัดส่วนที่เยอะเกินไป เมื่อภาคอสังหาฯ เกิดปัญหา การปล่อยเช่าที่ดินของรัฐบาลท้องถิ่นก็ชะลอตัว การเงินก็หมุนไม่คล่อง
-ภาระค่าใช้จ่ายของรัฐบาลท้องถิ่นมีเยอะและการเบิกใช้เงินในกิจการต่างๆ ยังไม่เป็นระบบ ขาดการควบคุมและบริหารที่ดี ทำให้ค่าใช้จ่ายหลายอย่างไม่ได้รับการควบคุมและเส้นทางการใช้เงินก็ยุ่งเหยิง โดยมีรายงานจากกรมบัญชีกลางจีนระบุว่า ในปี 2022 ทั้ง 31 มณฑล (เจอปัญหาทั้งประเทศ) พบว่ามีการใช้จ่ายเงินไม่เป็นระบบ มีการใช้จ่ายเกินงบประมาณที่ตั้งไว้ และมีการโยกเงินไปใช้ไม่ถูกวัตถุประสงค์ สำหรับในปีนี้ครึ่งปีแรกมี 29 มณฑลที่ยังพบว่ามีปัญหา
ดังนั้น ปัญหาการผิดนัดชำระจ่ายเงินเดือนให้พนักงานของรัฐพบว่า บางหน่วยงานโยกเงินที่ควรเอาไว้จ่ายเงินเดือนในหน่วยงาน แต่เอาไปใช้จ่ายอย่างอื่นก่อน ทำให้จ่ายเงินเดือนไม่ตรงเวลาหรือจ่ายล่าช้า ว่ากันว่าบางหน่วยงานติดค้างเงินเดือนถึงครึ่งปียังไม่จ่าย เป็นต้น นี่ถือเป็นปัญหาวินัยทางการคลังของรัฐบาลท้องถิ่นจีนที่ต้องได้รับการควบคุมและแก้ไขโดยด่วน
ความจริงนโยบายรัดเข็มขัดของรัฐบาลจีนเริ่มขึ้นตั้งแต่ในช่วง 2-3 ปีที่แล้ว โดยนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ในขณะนั้นได้พูดกับสื่อบ่อยๆ ถึงแนวทางการใช้จ่ายงบประมาณที่ต้องประหยัดมากขึ้น รัฐบาลจีนและนักเศรษฐศาสตร์จีนทั้งหลายต่างคาดหวังให้เศรษฐกิจจีนกลับมาคึกคัก แต่เพราะหลายปัจจัยจากทั้งในและต่างประเทศทำให้ ณ ปัจจุบันจีนยังไม่มีวี่แววที่ชัดเจนว่าเศรษฐกิจของจีนจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นเหมือนยุคก่อนโควิด
ที่น่าสนใจคือในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ สื่อโซเชียลจีนมีรายงานข่าวเกี่ยวกับ “การปรับลดเงินเดือนและสวัสดิการพนักงานของรัฐ” และ “หน่วยงานราชการปลดพนักงานสัญญาจ้างเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย” อยู่บ่อยครั้ง หนึ่งในข่าวดังที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้ มีประเด็น “กรมการขนส่งมวลชนเมืองเทียนจินติดค้างเงินเดือนพนักงานและหยุดจ่ายประกันสังคมมาแล้วหลายเดือน” เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นร้อนอย่างรวดเร็ว โดยวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา มีพนักงานของการขนส่งมวลชนเทียนจินโพสต์โดยสรุปว่า “ตั้งแต่เดือน มิ.ย.เป็นต้นมายังไม่ได้รับเงินเดือนสักหยวนเดียว ที่สำคัญคือประกันสังคมของพวกเราก็ถูกระงับไปด้วย พวกเรามีภาระ ขอให้ผู้บริหารพิจารณาจ่ายประกันสังคมให้พวกเรา สำหรับเงินเดือนจ่ายสักครึ่งเดือนก็ยังดี” ขณะนี้มีข่าวล่าสุดว่าทางขนส่งมวลชนเทียนจินได้จ่ายเงินเดือนย้อนหลังให้พนักงาน 2 เดือนแล้ว แต่กระนั้นก็ยังติดค้างอยู่ 1 เดือน! จากประเด็นการติดค้างเงินเดือนพนักงานของการขนส่งมวลชนเทียนจินทำให้คนจีนหลายคนเริ่มตั้งคำถามกับความมั่นคงทางการคลังของรัฐบาลท้องถิ่นมากขึ้นไปอีก
ในกระทู้ออนไลน์จีนมีชาวเน็ตตั้งกระทู้ถามว่า “หน่วยงานรัฐไม่มีเงินจ่ายเงินเดือน ข่าวลือหรือไม่?” มีชาวเน็ตรายหนึ่งเข้ามาตอบในประเด็นนี้และข้อมูลของเขาได้รับการกดไลก์เยอะที่สุด คำตอบระบุว่า "พนักงานของรัฐที่เมืองชั้นหนึ่งและเมืองที่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เซินเจิ้น ซูโจว หางโจว ได้รับงบประมาณจากรัฐบาลกลางโดยตรงอย่างน้อยในเมืองพวกนี้พนักงานของรัฐจะได้รับเงินเดือนปกติ ไม่มีการผิดนัด"
"แต่หากว่าคุณไปเป็นพนักงานของรัฐในเมืองดังต่อไปนี้ ต้องดูก่อนว่าในอนาคตพ่อแม่ของคุณจะให้คุณพึ่งพาได้หรือไม่ ที่ เทียนจิน มีหลายอำเภอบังคับให้พนักงานรัฐระดับสูงหยุดงานพักผ่อน เพื่อที่จะได้ลดการให้เงินเดือน สามารถประหยัดงบการจ่ายเงินเบี้ยเลี้ยงต่อปีหลักพันหยวนถึงหมื่นหยวนต่อคน ใน มณฑลเหอหนาน มีตำบลหนึ่งที่ติดอันดับหนึ่งในร้อยของตำบลที่มีศักยภาพมากที่สุดของประเทศ ในตำบลนี้พนักงานรัฐทั้งหมดยังไม่ได้รับเงินเดือนมามากกว่า 8 เดือนแล้ว ชนิดที่เรียกว่ายังไม่ได้ทยอยจ่ายให้เลยสักหยวนเดียว ที่ มณฑลซานตง เมืองเหวยฝาง มีบางตำบลหน่วยงานรัฐต้องไปกู้เงินธนาคารเพื่อเอามาจ่ายเงินเดือน ที่ อันฮุย เมืองบางเมืองทางตอนเหนือ เจ้าหน้าที่รัฐเริ่มไปร้องเรียน ส่วนใหญ่เป็นพนักงานของรัฐและกลุ่มอาจารย์ที่ยังไม่ได้รับเงินเดือน พนักงานที่สำนักงานเขตในพื้นที่นี้ได้รับแค่เงินเดือนพื้นฐานเดือนละ 2,000 หยวน หรือประมาณเกือบ 10,000 บาทเท่านั้น และยังมีความเสี่ยงถูกผิดนัดชำระอีก"
“ที่มณฑลยูนนาน เมืองซูฉิง ตั้งแต่ปีที่แล้วเริ่มให้เงินกู้พิเศษแก่พนักงานของรัฐ เพื่อพนักงานพวกนี้กู้เงินเพื่อจ่ายเงินเดือนให้ตัวเอง! ที่ มณฑลเหลียวหนิง บางตำบล เงินเดือนของพนักงานรัฐจะจ่ายทีละครึ่งปีและจ่ายเงินเดือนเต็ม 6 เดือน แต่ว่าในปีนี้จ่ายไม่เต็ม 6 เดือนให้แค่เงิน 3 เดือนเท่านั้น บางตำบลเงินเดือนอาจจะจ่ายช้าบ้างแต่ให้เงินเบี้ยเลี้ยงรายเดือนชดเชยแทนเพียงไม่กี่ร้อยหยวน ในมณฑลเสฉวน บางตำบลที่อยู่ใกล้ๆ กับฉงชิ่ง เจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้รับเงินเดือนมามากกว่า 3 เดือนแล้ว ที่ มณฑลกุ้ยโจว มีตำบลหนึ่ง เจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้รับเงินเดือนตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว บางพื้นที่ก็จ่ายเงินให้แค่เงินพื้นฐานตัดสวัสดิการเงินพิเศษออกทั้งหมด ที่ มณฑลเหอเป่ย มีบางตำบลที่ไม่ได้จ่ายเงินเดือนให้เจ้าหน้าที่รัฐมากว่า 3 เดือนแล้ว!”
สำหรับประเทศที่ใหญ่การบริหารงานของรัฐซับซ้อนและหลายชั้นแบบจีน การเกิดปัญหาในพื้นที่เล็กๆ อาจจะไม่ได้รับความสนใจจากสื่อมากนัก คนที่ได้รับผลกระทบอาจจะเป็นหย่อมๆ ไป แต่หากว่าปัญหาเริ่มขยายวงกว้างและเป็นระยะเวลานานไม่ได้รับการแก้ไขรัฐบาลจีนมีความเสี่ยงสูงต่อวิกฤตศรัทธาที่จะเกิดขึ้น
หากเรามองสถานการณ์ตามความเป็นจริงก็ทราบกันโดยทั่วกันว่า หนี้ของรัฐบาลท้องถิ่นจีนมีจำนวนมหาศาล และจนถึงวันนี้ยังมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น การแก้ปัญหาในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ รัฐบาลท้องที่หลายแห่งพยายามลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ แต่ปัญหานี้เป็นปัญหาเรื้อรังที่ต้องใช้เวลาในการแก้ไข ในระยะยาวมีเพียงการส่งเสริมการปฏิรูปและส่งเสริมเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องเท่านั้นที่จะสามารถแก้ไขปัญหาขั้นพื้นฐานได้ ต้องบอกว่างานนี้เป็นอีกงานหินหนึ่งของรัฐบาลกลางจีนที่ท้าทายและจะต้องช่วยประคองและเฝ้าระวังแรงเสียดทานของสังคมที่อาจจะปะทุขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ในอนาคต