รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (อีวี) จากแดนมังกรเจออียูสอบสวนการทุ่มเงินอุดหนุนแน่งานนี้
การเจรจาเศรษฐกิจและการค้าระดับสูงจีน- อียู ครั้งที่ 10 ที่กรุงปักกิ่งปิดฉากเมื่อวันจันทร์ (25 ก.ย.) โดยที่จีนไม่สามารถโน้มน้าวให้อียูยกเลิกการดำเนินมาตรการทางการค้า ซึ่งจีนเห็นว่าเป็นการกีดกันจีน
รองนายกรัฐมนตรี เหอ ลี่เฟิง ต้องย้ำเตือนอียูอีกครั้งระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับนายวัลดิส ดอมบรอฟสกิส หัวหน้าฝ่ายการค้าของอียูว่า จีนรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่งและวิตกกังวลอย่างสูงกรณีอียูจะเปิดการสอบสวนรถอีวีนำเข้าราคาถูกจากจีน พร้อมกับขอให้อียูยับยั้งชั่งใจก่อนออกอาวุธทางการค้าเล่นงานจีน ซึ่งมาตรการของอียูก็มองเห็นอยู่กันทั่วไปแล้วว่า สร้างขึ้นมาเพื่อมุ่งเล่นงานจีน ไม่ว่าจะเป็นมาตรการจัดซื้อจัดจ้างระหว่างประเทศ กฎหมายตอบโต้การอุดหนุน หรือการเก็บภาษีสินค้านำเข้าตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอน
“เราหวังว่าอียูจะใช้ความระมัดระวังและเปิดตลาดต่อไป สิ่งนี้จะก่อประโยชน์ต่อผู้บริโภคของอียู ต่อการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก” รองนายกรัฐมนตรีจีนระบุ
แต่นายดอมบรอฟสกิส บ่ายเบี่ยงว่า อียูต่างหากที่กำลังวิตกกังวลเรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่สมดุลกับจีน ซึ่งทำให้อียูขาดดุลการค้ากับจีนมากมายเกือบ 400,000 ล้านปอนด์
การเจรจาครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยหัวหน้าการค้าอียูมาเยือนกรุงปักกิ่งท่ามกลางความขัดแย้งด้านการค้าในหลายประเด็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่กำลังร้อนระอุในขณะนี้คือประเด็นรถอีวีนำเข้าจากจีน
อียูเชื่อว่า รัฐบาลจีนทุ่มเงินอุดหนุนอุตสาหกรรมในประเทศ รวมทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ ทำให้สามารถส่งออกรถอีวีราคาถูกตีตลาดทั่วโลก นับเป็นภัยคุกคามถึงขั้นที่บริษัทในอียูอาจเจ๊ง
แต่จีนมองการสอบสวนรถอีวีโดยอียูเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากการกีดกันทางการค้า
อียูเพิ่งประกาศบังคับใช้กฎหมายชิปยุโรป (European Chips Act) เมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งให้เงินอุดหนุนจำนวนมหาศาลเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมชิปของอียู หลังจากได้ประกาศยุทธศาสตร์ความมั่นคงทางเศรษฐกิจของยุโรปในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการ “ลดความเสี่ยง” จากการพึ่งพาเศรษฐกิจจีน นอกจากนั้น ยังอ้างว่า บริษัทหัวเว่ยและแซตทีอี ผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์พื้นฐานสำหรับระบบ 5G ของจีนก่อให้เกิด "ความเสี่ยงที่เป็นรูปธรรมสูงกว่าผู้จัดจำหน่ายระบบ 5G รายอื่นอย่างมาก" มีรายงานว่า ชาติยุโรปบางชาติได้ดำเนินขั้นตอนเพื่อกันบริษัททั้งสองออกไป ซึ่งเยอรมนีเป็นชาติล่าสุดที่ออกมาเคลื่อนไหว
ที่มา : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ / โกลบอลไทมส์ / เอเอฟพี