โดย ร่มฉัตร จันทรานุกูล
ในบทความนี้ผู้เขียนอยากจะมาบอกเล่าสู่กันฟังในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสังคมจีนในปัจจุบัน เกี่ยวข้องกับราชาไลฟ์สดขายสินค้า นายหลี่เจียฉี ที่ตัวเขากลายเป็นประเด็นร้อนแรงอีกครั้งในโซเชียล เพราะในระหว่างการไลฟ์สดขายของมีลูกค้าคอมเมนต์ว่าดินสอเขียนคิ้วที่เขากำลังขาย “ราคาแพง” หลี่เจียฉีเห็นคอมเมนต์ดังกล่าวก็ตอบกลับแบบทันควัน โดยเหน็บลูกค้าว่า “แพงตรงไหนเนี่ย หลายปีที่ผ่านมาก็ราคานี้ อย่ามาพูดมั่วๆ แบรนด์สินค้าในประเทศก็ยากลำบาก หลายปีที่ผ่านมาก็ราคาเท่านี้ 79 หยวน หรือประมาณ 389 บาท แพงตรงไหน ซื้อหนึ่งแถมไส้ดินสอสองไส้ คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม บางทีคนที่พูดก็กลับมาดูตัวเองหน่อยเหอะว่าทำไมหลายปีที่ผ่านมาเงินเดือนไม่ขึ้น ทำงานด้วยความขยันหมั่นเพียรหรือเปล่า” คำพูดของหลี่เจียฉีประโยคนี้เองที่ทำให้แฟนคลับของเขาและชาวโซเชียลไม่พอใจ ทัวร์ลงกันแบบรัวๆ ประเด็นดรามาใหญ่และบานปลายขึ้นเรื่อยๆ จนขนาดสื่อรัฐบาลจีนได้โพสต์ข้อความตำหนิคำพูดของหลี่เจียฉี
หลังจากโดนทัวร์ลงหนัก หลี่เจียฉีออกมาขอโทษพร้อมกับการร้องไห้ยอมรับผิดกับการกระทำ และจะระมัดระวังคำพูดและอารมณ์ของตัวเองมากขึ้น แต่การขอโทษของเขาถูกสังคมจับผิดและชาวเน็ตหลายคนมองว่า “เป็นแค่การแสดงตบตา” ไม่ได้รู้สึกสำนึกผิดจริงๆ การออกมาขอโทษของเขาเหมือนเป็นเพียงแค่การปกป้องภาพลักษณ์และรักษาผลประโยชน์ทางธุรกิจเท่านั้น หลายคนที่ได้ดูคลิปขอโทษต่างบอกว่า หลี่เจียฉีดูไม่ธรรมชาติ ดูไม่จริงใจ
จากดรามารอบนี้ทำให้แฟนคลับที่ติดตามหลี่เจียฉีลดลงไปกว่า 1.5 ล้านคน (แต่ก็คงไม่สะท้านนักกับระดับคนติดตามเขาที่มีทั้งหมดประมาณ 40 ล้านคน)
สิ่งที่หลี่เจียฉีพูดกลายเป็นไวรัลในโซเชียลอย่างรวดเร็ว ชาวเน็ตหลายคนหลากอาชีพออกมาอัดคลิปบอกว่า “ขยันแล้ว แต่ได้แค่นี้” บางคนเป็นไรเดอร์วันหนึ่งต้องแย่งออเดอร์กับเพื่อนร่วมอาชีพ วันหนึ่งต้องส่งอาหารหลายสิบรอบถึงจะได้เงิน 100 หยวน (หรือประมาณ 480 บาท) ประเด็นของหลี่เจียฉีร้อนแรงถึงขนาด ศาสตราจารย์นายแพทย์ท่านหนึ่งจากเซี่ยงไฮ้ อัดคลิปตอกกลับคำพูดของหลี่เจียฉี โดยกล่าวว่า “ผมเหนื่อยมาครึ่งชีวิต ในหนึ่งเดือนผมต้องรับเคสผ่าตัดมากกว่า 80 เคส มีคนไข้ที่ต้องดูแลต่อเดือนมากกว่า 400 คน ในแต่ละครั้งของการผ่าตัดผมได้เงินน้อยกว่า 500 หยวน (ประมาณ 2,400 บาท) ถึงแม้ขยันขนาดนี้ในหนึ่งเดือนผมมีรายได้เพียง 40,000 หยวนเท่านั้น (ประมาณ 192,000 บาท) ยังน้อยกว่าช่างตัดผมบางคนอีก ผมไม่มีปัญญาซื้อดินสอเขียนคิ้ว 79 หยวนให้ภรรยาได้ ผมต้องขอโทษคุณหลี่เจียฉีจริงๆ”
วันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา เวยปั๋วของ CCTV (กระบอกเสียงรัฐบาลจีน) ได้โพสต์ข้อความตำหนิการกระทำของหลี่เจียฉีแบบตรงๆ ว่า “หลี่เจียฉีอย่าลืมตัวไปมากกว่านี้เลย ก่อนหน้านี้เที่ยวป่าวประกาศจะทำให้ราคาสินค้าถูกลง…เพราะการไลฟ์ขายของที่ไม่นานมานี้เหน็บและตอกกลับลูกค้า จนทำให้ชาวโซเชียลโมโหเดือด พวกเราพบว่ามีไอดอลไม่น้อย ก่อนหน้าไม่ดัง ไม่มีเงินอ่อนน้อมถ่อมตน พอมีเงินขึ้นมาก็เปลี่ยนไปคนละคน ลืมตัว คงไม่นานก็ถูกต่อต้านจากสังคม”
การที่สื่อของรัฐบาลจีนโพสต์ข้อความออกสื่อตำหนิแบบนี้ ถือว่ามีความกังวลและจับตากับประเด็นสังคมนี้เป็นอย่างมาก
หลี่เจียฉี ถูกเปิดโปงว่าในการไลฟ์สดขายของแต่ละครั้งตัวเขามีรายได้ต่อวันประมาณ 200,000-500,000 หยวน หรือประมาณ 960,000-2,400,000 บาทต่อวัน! รายได้ต่อปีมากกว่า 1,800 ล้านหยวน (หรือประมาณ 8,640 ล้านบาท) เขามีบ้านหรูที่เซี่ยงไฮ้ราคา 130 ล้านหยวน (หรือประมาณ 624 ล้านบาท) นั่งรถหรูคันละหลายสิบล้านบาท บริษัทของหลี่เจียฉีเซ็นสัญญาผูกขาดหรือขอสิทธิพิเศษด้านราคากับหลายโรงงานผลิต ทำให้สินค้าที่หลี่เจียฉีขายในการไลฟ์สดของเขามีราคาต่ำกว่าพ่อค้าแม่ค้าเจ้าอื่นๆ
ในขณะเดียวกัน เขาก็สามารถตั้งราคาขายเองให้ได้กำไรมากที่สุดได้เพราะผูกขาดอยู่เจ้าเดียวไม่มีพ่อค้าแม่ค้ารายอื่นมาแข่ง อย่างเช่น ดินสอเขียนคิ้วที่เขาไลฟ์สดขายราคา 79 หยวน (ต้นทุนไม่ถึง 10 หยวน หรือ 48 บาท) ยี่ห้อ ฮวาซีจือ (Huaxizi) มีการเปิดโปงว่า บริษัทเครื่องสำอางนี้มีหลี่เจียฉีถือหุ้นอยู่ด้วย ในตอนแรกบริษัทฮวาซีจือมาหาหลี่เจียฉีเพื่อต้องการให้หลี่เจียฉีไลฟ์ขายสินค้าให้โดยเสนอให้ค่าคอมมิชชัน 120% ต่อมาบริษัทก็ให้หลั่เจียฉีเข้ามาถือหุ้นบริษัทด้วยเลย มีข้อมูลเพิ่มเติมว่าในการไลฟ์สดขายสินค้าของหลี่เจียฉีเขาได้รับค่าคอมมิชชันจากโรงงานหรือบริษัทเจ้าของสินค้าอย่างต่ำ 80%!
ชาวเน็ตจีนคอมเมนต์ที่เจ็บๆ มีมากมาย อย่างเช่น “เขาให้มากระตุ้นประชาชนใช้จ่าย ไม่ใช่มาแทงกลับผู้บริโภค” “อ้าว แล้วตอนนั้นแม่ของคุณไม่มีเงินสองหมื่นหยวนจ่ายค่าเทอมให้คุณ แสดงว่าแม่คุณไม่ขยันทำงานล่ะสิ?” “หลี่เจียฉีขอโทษเงินและนายทุนที่อยู่เบื้องหลังต่างหาก ไม่ได้ขอโทษผู้บริโภคเลยสักนิด” “รัฐบาลไปตรวจสอบด้วยนะว่าเสียภาษีรายได้ถูกต้องหรือไม่” เป็นต้น
ดรามาของหลี่เจียฉีรอบนี้มีความรุนแรง สะท้อนถึงปัญหาสังคมจีนในปัจจุบันที่ประชาชนทั่วไป “ไม่พอใจกับความเหลื่อมล้ำ” คำพูดของหลี่เจียฉีแทงใจดำคนส่วนใหญ่ ถึงขนาดศาตราจารย์นายแพทย์ระดับหัวกะทิของประเทศถึงกับอัดคลิประบายว่า “ผมไม่ใช่ไม่ขยัน แต่เงินเดือนไม่ขึ้น”!
คำพูดที่ไม่เหมาะสมของหลี่เจียฉีในครั้งนี้สื่อจีนระบุว่า “เป็นการทำลายความรู้สึกของคนหาเช้ากินค่ำ” สังคมให้โอกาสได้รวยขึ้นมาก่อน แต่พอรวยแล้วกลับดูถูกคนจน โดยเฉพาะตอนนี้เศรษฐกิจในประเทศไม่ดี คนจำนวนมากตกงาน กลุ่มคนอายุ 50-60 ปีจำนวนมากต้องให้ลูกช่วยโพสต์หางาน คนทำงานบริษัทและข้าราชการหลายคนหลังโควิด-19 ถูกลดเงินเดือน การใช้คำว่า “ไม่ขยันทำงานเงินเดือนถึงไม่ขึ้น” ดูเหมือนจะเป็นคำพูดที่รุนแรงเกินไปสำหรับสถานการณ์ในสังคมจีนปัจจุบัน
อีกทั้งความอยาก “ชอปแหลก” ของชาวจีนในปัจจุบันมีแนวโน้มที่ลดลง เนื่องจากภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะในเทศกาลลดแหลกแจกแถมไหนๆ ผลประกอบการของหลายแพลตฟอร์มก็ไม่ดีเท่าปี 2018-2019 การแสดงออกของหลี่เจียฉีในครั้งนี้เป็นการทำลายภาพลักษณ์ของตัวเองอย่างรุนแรง ทำลายฐานลูกค้าเก่า อีกทั้งตัวเขายังถูกขุดคุ้ยในประเด็นต่างๆ อีกมากมาย การกระทำและผลกระทบที่หลี่เจียฉีได้รับในครั้งนี้จะบอกว่า “ปากพาจน” ก็คงไม่ผิดนัก