ในที่สุดไทยก็ประกาศให้ “ฟรีวีซ่า” หรือยกเว้นวีซ่าเข้าไทยแก่นักท่องเที่ยวจีนในวันพุธ (13 ก.ย.) เป็นเวลา 5 เดือน โดยเริ่มจากวันที่ 25 ก.ย.นี้ ถึง 29 ก.พ.ปีหน้า (2024) โดยช่วงเวลา 5 เดือนนี้ครอบคลุมถึงสัปดาห์ทองวันหยุดยาวของจีน ได้แก่ วันหยุดยาวควบ 2 เทศกาลคือวันไหว้พระจันทร์ (29 ก.ย.) และวันชาติจีน (1 ต.ค.) ซึ่งชาวจีนจะได้หยุดกันเปรมติดต่อกัน 8 วัน จากวันที่ 29 ก.ย. ไปถึงวันที่ 6 ต.ค. และวันตรุษจีนซึ่งตรงกับวันที่ 10 ก.พ. 2024
การประกาศนี้ กระตุกกระแสเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการท่องเที่ยวไทยคึกคักบนหน้าสื่อจีนในทันทีทันใด ทั้งกระแสด้านบวกและกระแสด้านลบปะปนตีคู่กันมารับกระแส “ฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีน”
ctrip ทุ่มทุน 100 ล้านหยวน ผุดโครงการสนับสนุนไปเที่ยวไทย
หลังไทยประกาศฟรีวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวจีน ผ่านไปเพียงครึ่งชั่วโมง ชาวจีนแห่ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทยบนแพลตฟอร์มบริการท่องเที่ยวต่างๆ ของจีน เช่น แพลตฟอร์มบริการท่องเที่ยวระหว่างประเทศชั้นนำของจีนคือ ctrip มีผู้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับไทยพุ่งกระฉูดโดยเปรียบเทียบเดือนต่อเดือนถึง 800 เปอร์เซ็นต์ หัวข้อ “ฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจีนที่จะไปเที่ยวไทย” ทะยานขึ้นมาเป็นหัวข้อการพูดคุยอันดับหนึ่งในแพลตฟอร์มโซเชียล ctrip พร้อมกันนี้ ctrip ยังประกาศทุ่มทุน 100 ล้านหยวน หรือราว 500 ล้านบาท ผุดโครงการสนับสนุนไปเที่ยวไทย เช่น การอุดหนุนค่าใช้จ่ายและมอบสิทธิพิเศษอื่นๆ ให้แก่ลูกค้าที่จองโรงแรมในไทย
ที่โดดเด่นอีกกระแสคือ “การเที่ยวไทยแบบอิสระเสรี” ได้กลายมาเป็นฮอตเสิร์ชในพริบตาบนแพลตฟอร์มบริการข้อมูลท่องเที่ยวรายใหญ่ คือ หม่าเฟิงอัว สเตชั่น (Mafengwo Station) โดยมีจำนวนการสืบค้นพุ่งขึ้น 253 เปอร์เซ็นต์ ในด้านแหล่งท่องเที่ยวไทยที่มีการค้นข้อมูลมากที่สุด 3 อันดับแรกคือ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต การค้นข้อมูลเกี่ยวกับกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้น 180 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ การสอบถามเกี่ยวกับประเทศไทยบนแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์ Mafengwo Polaris Guide ก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คำถามที่นักท่องเที่ยวถามกันมากสุด ได้แก่ “สถานการณ์ความปลอดภัยในไทย” “ข้อมูลแนะนำการท่องเที่ยวประเทศไทย” “แหล่งท่องเที่ยวเกาะเล็กที่เป็นอันซีน” ในไทย จากคำถามเหล่านี้จะเห็นได้ว่าประเด็นความปลอดภัยส่งผลกระทบต่อการไปเที่ยวไทยโดยเป็นปัจจัยพื้นฐานในการตัดสินใจเดินทางไปไทยของนักท่องที่ยวจีน
การประกาศฟรีวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวจีน ยังทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่มีแผนไปไหนช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลวันชาติจีน เลือกไทยเป็นหนึ่งในตัวเลือกเป้าหมายเดินทางท่องเที่ยว “คนน้อย-ทิวทัศน์สวยงาม เกาะเล็กที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันซีน” เป็นตัวเลือกอันดับแรกของคนรุ่นหนุ่มสาว แหล่งท่องเที่ยวที่เนื้อหอมที่สุดมีผู้สืบค้นมากสุด คือ เกาะสมุย ซึ่งมีอัตราการค้นหาข้อมูลเพิ่ม 116 เปอร์เซ็นต์ กระบี่ และเกาะเสม็ดก็มีผู้สนใจมากตามหลังมาติดๆ
ข้อมูลที่เปิดเผยทั่วไประบุว่าภาคท่องเที่ยวมีส่วนช่วยกระตุ้นการเติบโตเศรษฐกิจ หรือจีดีพีไทยถึง 18 เปอร์เซ็นต์ สำหรับปีนี้จากแนวโน้มการส่งออกและการท่องเที่ยว สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของไทย ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์จีดีพีไทย จากที่คาดการณ์ไว้ประมาณ 2.7 เปอร์เซ็นต์ ถึง 3.7 เปอร์เซ็นต์ ลดลงมาที่ 2.5 เปอร์เซ็นต์ ถึง 3 เปอร์เซ็นต์
จากข้อมูลทางการไทย ระบุว่าปีนี้ถึงวันที่ 27 ส.ค. นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไทยมีจำนวนทั้งสิ้น 17.6 ล้านคน โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวไทยมากสุดเป็นอันดับแรกคือ มาเลเซีย (2.797 ล้านคน) รองลงมา ได้แก่ จีน (2.182 ล้านคน) เกาหลีใต้ (1.046 ล้านคน) อินเดีย (1.007 ล้านคน) และรัสเซีย (915,000 คน)
เมื่อไม่นานมานี้สถาบันวิจัยการท่องเที่ยวแห่งจีนได้แถลง “รายงานข้อมูลการท่องเที่ยวขาออกระหว่างครึ่งปีแรกของปี 2023” ในรายงานระบุว่าช่วงครึ่งปีแรกนี้นักท่องเที่ยวจีนแผ่นดินใหญ่เดินทางไปยังเป้าหมายปลายทางท่องเที่ยวในต่างประเทศ รวมทั้งสิ้น 40.37 ล้านคน โดย 93.95 เปอร์เซ็นต์ เที่ยวกันในเอเชีย
รายงานข่าวของสื่อจีน China Business News ไทยเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญของการท่องเที่ยวขาออกของนักท่องเที่ยวจีน ทว่า หลังจากที่จีนเปิดประเทศตอนต้นปี กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่มาไทยได้กลับไปแชร์ประสบการณ์ว่าค่าครองชีพหรือราคาสินค้าต่างๆ ในไทยสูงขึ้นมาก และปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบเสียหายต่อการท่องเที่ยวไทยหนักมากคือ “ข่าวลือเรื่องการลักพาตัว ขโมยไต และการค้ามนุษย์ซึ่งมุ่งเป้าหมายเหยื่อชาวจีน” โดยข่าวลือนี้ในสื่อและสื่อสังคมออนไลน์เล่นกันหนักมาในช่วงต้นปีนี้
ไทยต้องออกแรงเข็นครกขึ้นเขาในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนอย่างสาหัส ในปีนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนไว้ที่ 5.3 ล้านคน และได้ปรับลดลงมาที่ 4.3 ล้านคน แต่จนถึงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาในไทย ประมาณ 2 ล้านคน!
ในวันพุธ (13 ก.ย.) วันที่ไทยประกาศข่าวฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจีน ผู้เขียนได้เปิดอ่านข่าวประเด็นนี้ในเว็บท่ารายใหญ่ของจีน ซีน่า นิวส์ ที่ขึ้นพาดหัวข่าว “ไทยประกาศฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีน” และได้ไถดูข้อความในช่องคอมเมนต์ท้ายข่าว พบว่าสิบกว่าชิ้นแรกพูดถึง “ภัยอันตรายลักพาตัว ขโมยไต!”
แม้นโยบายฟรีวีซ่าจะช่วยดันจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวไทยคึกคักมากขึ้น ทว่า เรื่องข่าวลือขโมยไตที่ยังถูกขุดขึ้นมาหลอนชาวจีนไม่เลิกเช่นนี้ ก็เป็นอุปสรรคในการพัฒนาขยายตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่มีคุณภาพและยั่งยืน