นักวิเคราะห์ไม่เชื่อว่า โอกาสการทำธุรกิจของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯอย่างแอปเปิลในจีนจะมัวซัว หลังจากปักกิ่งสั่งห้ามการใช้โทรศัพท์มือถือไอโฟนในหมู่เจ้าหน้าที่รัฐ
ข่าวรัฐบาลปักกิ่งสั่งห้ามเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐบาลกลางใช้ไอโฟนของแอปเปิลและอุปกรณ์สื่อสารแบรนด์ต่างชาติอื่นๆ ในที่ทำงานเมื่อสัปดาห์ก่อน ส่งผลให้หุ้นของแอปเปิลสูญเสียมูลค่าประมาณ 200 ล้านดอลลาร์ และนักลงทุนกำลังหวาดวิตกเกี่ยวกับพัฒนาการที่เกิดขึ้นนี้
อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของนายแดน อีฟส์ นักวิเคราะห์ชื่อดังของบริษัทหลักทรัพย์เวดบุช (Wedbush Securities) นั้น เห็นว่านักลงทุนหวาดกลัวมากจนเกินไป เพราะถ้าพิจารณาให้ดีๆ คำสั่งห้ามน่าจะมีผลต่อไอโฟนราว 5 แสนเครื่องเท่านั้น ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 1.1 ของไอโฟนทั้งหมด 45 ล้านเครื่อง ที่คาดว่าแอปเปิลจะวางจำหน่ายในจีนปีหน้า
นายอามิต ดาร์ยานานี นักวิเคราะห์ของเอเวอร์คอร์ ไอเอสไอ (Evercore ISI ) บริษัทที่ปรึกษาวาณิชธนกิจ มีความเห็นตรงกัน โดยระบุว่า ข่าวพาดหัวของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลเมื่อวันพุธ (6 ก.ย.) เป็นข่าวเชิงลบต่อแอปเปิลก็จริง แต่ยังไม่ชัดเจนว่า คำสั่งห้ามจะส่งผลกระทบมากเพียงใด เนื่องจากเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนน่าจะหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ของสหรัฐฯ กันมานานแล้ว ก่อนหน้าการประกาศห้ามอย่างเป็นทางการ
นอกจากนั้น ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คาดว่า คำสั่งห้ามการใช้ไอโฟนของปักกิ่งไม่น่าจะขยายวงกว้างขึ้น นั่นคือแอปเปิลมีลูกจ้าง 1 ล้านคนบนแดนมังกร อีกทั้งบริษัทมะกันรายนี้ยังสนับสนุนให้มีการจ้างงานอีกราว 5 ล้านตำแหน่งในจีนผ่านระบบนิเวศการผลิตและเทคโนโลยีของบริษัท ดังที่ระบุในเว็บไซต์ภาคภาษาจีนของแอปเปิล โดยบริษัทฟ็อกซ์คอนน์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตป้อนชิ้นส่วนรายใหญ่ของแอปเปิลเป็นนายจ้างเอกชนรายใหญ่ที่สุดของจีนอีกด้วย เว้นเสียแต่แอปเปิลจะเริ่มย้ายห่วงโซ่อุปทานออกจากจีนในอัตราที่ทำให้จีนอึดอัด นั่นแหละจีนจึงอาจบังคับใช้คำสั่งครอบคลุมมากกว่านี้
ประกาศิตห้ามเจ้าหน้าที่รัฐใช้ไอโฟนเป็น "ดาบนั้นคืนสนอง" การกระทำแบบเดียวกับที่สหรัฐฯ เคยทำกับจีน เช่น กรณีนครนิวยอร์กสั่งห้ามการใช้แอปพลิเคชันติ๊กต็อกบนอุปกรณ์ของรัฐบาลเมื่อไม่นาน ท่ามกลางความตึงเครียดร้อนระอุระหว่างชาติทั้งสอง ที่กำลังฟาดฟันกันในสงครามเทคโนโลยีอยู่ในขณะนี้
ที่มา : บิสซิเนสอินไซเดอร์