ชาวจีนเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเบ่งบานในท่ามกลางความซบเซาของเศรษฐกิจ
นายฟาน เหลย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัทถงเฉิงทราเวล (Tongcheng Travel) ผู้ให้บริการจองตั๋วเดินทางจองโรงแรมออนไลน์ชั้นนำของจีนคาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจีนจะโตเร็วกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในอีก 10 ปีข้างหน้า เมื่อพิจารณาจากทิศทางเศรษฐกิจจีนในปัจจุบัน
เขาระบุว่า ในขณะที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวและการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนในด้านการศึกษา อสังหาริมทรัพย์และรถยนต์ลดลง แต่ชาวจีนยังคงมีการใช้เงินกันอยู่ เพียงแต่เปลี่ยนจากการซื้อข้าวของชิ้นใหญ่ราคาแพง เช่น บ้าน หรือรถยนต์ มาเป็นการจ่ายเงินเพื่อการบริโภคประเภทประสบการณ์แทน
ทั้งนี้ ในขณะที่เศรษฐกิจไตรมาสที่ 2 ของจีนโตต่ำกว่าคาดการณ์ 6.3% ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เป็นผลสืบเนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์โควิด-19 ในปีที่แล้ว การลงทุนภาคอสังหาฯ เดือน ม.ค.-ก.ค. ลดลง 8.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว และดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งชี้วัดอัตราเงินเฟ้อของมูลค่าสินค้าและบริการดิ่งสู่แดนภาวะเงินฝืดนั้น แต่ปรากฏว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยังเบ่งบานไม่หุบมาตั้งแต่จีนเปิดประเทศเมื่อเดือน ธ.ค.2565
รายงานของสถาบันการท่องเที่ยวจีนในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาระบุว่า เทศกาลตรุษจีนในเดือน ม.ค. เป็นตัวจุดประกายให้การเดินทางฟื้นตัว โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศตลอดทั้งปีนี้จะสูงถึง 4,500 ล้านคน หรือเพิ่มราว 76% จากในปี 2562
ขณะที่บริษัทถงเฉิง ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงมีรายได้ และมียอดผู้เข้ามาใช้บริการออนไลน์พุ่งกระฉูด
แม้รายได้ส่วนใหญ่ของถงเฉิงมาจากการบริโภคในประเทศ เนื่องจากการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนในต่างประเทศฟื้นตัวเพียง 40 หรือ 50% ของระดับก่อนเกิดโควิดระบาด แต่ถึงกระนั้นรายงานของแมกคินซีย์ บริษัทที่ปรึกษาการลงทุนเมื่อเดือน พ.ค.ระบุว่า จีนยังคงเป็นชาติที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปต่างประเทศมากที่สุดในโลกทั้งในด้านจำนวนเที่ยวและการใช้จ่ายทั้งหมด
ที่มา : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์