xs
xsm
sm
md
lg

New China Insights : พายุแห่งการปราบคอร์รัปชันทำวงการแพทย์จีนสั่นสะเทือน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“ภาพแพทย์ถูกตำรวจจับใส่กุญแจมือ” เป็นสัญลักษณ์เตือนถึงการปราบทุจริตในวงการแพทย์อย่างจริงจัง (ภาพจาก  เวยปั๋ว)
โดย ร่มฉัตร จันทรานุกูล


ตั้งแต่กลางเดือน ก.ค.ของปีนี้ที่เพิ่งผ่านมา รัฐบาลกลางจีนได้มีความมุ่งมั่นในการต่อต้านการทุจริตทางการแพทย์ ที่น่าสนใจคือตั้งแต่เดือน ส.ค.ที่ผ่านมา มีรายงานข่าวการไล่ออก จับกุมหมอ และเจ้าหน้าที่ในระบบการแพทย์อยู่เกือบทุกวันในหน้าข่าวจีน

ในการกวาดล้างของรัฐบาลจีนในคราวนี้คือการตรวจสอบทั้งวงการอุตสาหกรรมทางการแพทย์ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ตั้งแต่ขั้นตอนการซื้อขายยาเข้าโรงพยาบาล การจัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์จากตัวแทนต่างๆ หมอพยาบาลและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายจัดซื้อและฝ่ายการเงิน เป็นต้น โดยปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตในวงการแพทย์ครั้งนี้เน้น “ตรวจสอบคนในตำแหน่งที่สำคัญ” ตามข้อมูลที่ถูกเปิดเผยในวันที่ 17 ส.ค. มีผู้อำนวยการโรงพยาบาลและเลขานุการพรรคอย่างน้อย 184 คนทั่วประเทศที่กำลังถูกสอบสวน และมีบุคลากรทางการแพทย์อย่างน้อย 10 คนที่ขอมอบตัว ว่ากันว่าคนในวงการแพทย์ที่ถูกตรวจสอบอาจจะสูงเกิน 200 คนก็เป็นไปได้

การปราบปรามการทุจริตในครั้งนี้คนจีนเรียกว่าเป็น “พายุใหญ่แห่งการต่อต้านการทุจริตในวงการแพทย์” ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีการตรวจสอบมากขนาดนี้มาก่อน ในส่วนของหน่วยงานประกันสุขภาพแห่งชาติจีนพบการทุจริตเช่นกัน ผู้ปฏิบัติงานระดับหัวหน้าจำนวนหนึ่งในตำแหน่งงานบริหารมีการทุจริตและถูกไล่ออกไปบ้างแล้ว และการปราบปรามการทุจริตในวงการแพทย์ของจีนในครั้งนี้กำลังทยอยเข้าตรวจสอบภาคส่วนย่อยต่างๆ และสิ่งที่เกิดขึ้นคือ “ยิ่งสาวลึกยิ่งเจอ”

ในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพและการแพทย์แห่งชาติจีนได้ร่วมกันออกประกาศ "แก้ไขพฤติกรรมการจัดซื้อยาและการบริการทางการแพทย์ที่ไม่ถูกหลักธรรมาภิบาล" หลักๆ คือให้มีการปรับปรุงระบบการกำกับดูแล การมีจริยธรรมด้านอาชีพแพทย์ โดยตามรายงานของ China News Weekly เปิดโปงว่าการคอร์รัปชันในระบบการแพทย์ของจีนส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นมากในส่วนของการจัดจำหน่ายและรับซื้อยา การจัดหาอุปกรณ์ การจัดหาวัสดุสิ้นเปลืองและการก่อสร้างต่อเติมทางวิศวกรรม โดยค่าใช้จ่ายที่สูงเกินจริงที่โรงพยาบาลจ่ายออกไป สุดท้ายส่งต่อมาที่ผู้ป่วย หรือกลับมาเป็นภาระของกรมบัญชีกลาง

ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการกลางการตรวจสอบวินัยและคณะกรรมการกำกับดูแลแห่งชาติได้เปิดเผยกรณีหนึ่ง ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งซื้อเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ที่ควรมีราคาเพียง 15 ล้านหยวน (75 ล้านบาท) แต่ซื้อจริงในราคาสูงถึง 35.2 ล้านหยวน (176 ล้านบาท) จำนวนเงินที่เกินมาคือค่าติดสินบนและเข้ากระเป๋าผู้อำนวยการโรงพยาบาลไป 16 ล้านหยวน (80 ล้านบาท) และก็ไม่ได้มีแค่เคสนี้เคสเดียว ในจีนมีโรงพยาบาลมากมายที่มีการทุจริตในลักษณะเดียวกัน ดังนั้นกลุ่มบุคลากรแพทย์ที่เป็นระดับผู้บริหารกุมอำนาจการตัดสินใจกลายเป็นเป้าตรวจสอบในคราวนี้

โรงพยาบาลในจีนเริ่มมีการติดป้ายห้ามตัวแทนขายยาเข้ามาในโรงพยาบาล หนึ่งในนโยบายหลักกลางเพื่อป้องกันการคอร์รัปชันในวงการแพทย์ (ภาพจาก เวยปั๋ว)
“การทุจริตทางการแพทย์เป็นเรื่องที่ซ่อนเร้นและยากแก่การตรวจสอบและจัดการ ตัวอย่างเช่น บริษัทที่ขายอุปกรณ์ทางการแพทย์หรือบริษัทยาจัดตั้งการสนับสนุนทุนวิจัยทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ จัดประชุมวิชาการทางการแพทย์ขึ้นมา จุดประสงค์เพื่อจะได้ใช้เป็นข้ออ้างโอนจ่ายผลประโยชน์ติดสินบนให้บุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลได้ง่าย อีกทั้งในการซื้อขายยากับทางโรงพยาบาล บริษัทยาต่างๆ มักมีการจ่ายเงินใต้โต๊ะให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเพื่อให้ยาที่ตนเองผลิตได้เข้าไปในโรงพยาบาล อีกทั้งยังมีการปลอมแปลงต้นทุนราคายาที่ระบุสูงเกินจริงและการตกแต่งบัญชีทำธุรกรรมเท็จ เป็นต้น”

นายจ้านซู ทนายความของสำนักงานกฎหมายปักกิ่งซินนั้ว (Beijing Xinnuo Law firm) กล่าวว่า “ในอดีตคดีการทุจริตในวงการแพทย์ การลงโทษขั้นสุดท้ายจะตกอยู่แค่ระดับบุคคล ไม่สามารถสาวไปถึงผู้รับประโยชน์ที่อยู่ท้ายสุดได้ซึ่งมักจะเป็นหัวโจกที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด แต่ตอนนี้หน่วยงานกำกับดูแลปัญหาจะสืบเสาะหมดทั้งยวง ทั้งกระบวนการได้”

มีรายงานการตรวจสอบการทุจริตทางการแพทย์ในมณฑลกว่างตง ระบุว่าในเดือน พ.ค.ถึง ก.ค.ปีนี้ สำนักงานตรวจบัญชีแห่งชาติได้ทำการตรวจสอบพิเศษเกี่ยวกับการซื้อเข้าและใช้เภสัชภัณฑ์วัสดุสิ้นเปลืองของโรงพยาบาลต่างๆ ในมณฑลกว่างตง

ในจำนวนนี้มีบริษัทยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น Livzon Pharmaceutical, Poinsettia และ Yifang Pharmaceutical ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ China Traditional Chinese Medicine เป็นบริษัทจดทะเบียนในฮ่องกง รายงานการตรวจสอบพบว่า บริษัทยาพวกนี้ขายยาออกไปในราคาเกินจริงมาก โดยค่ายาที่ตั้งขึ้นมาสูงเกินจริงเพื่อต้องการแบ่งไปจ่ายใต้โต๊ะให้บุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลต่างๆ เพราะฉะนั้นข้อมูลทางบัญชีถูกบิดเบือนไปอย่างมาก

แล้วทำไมการทุจริตของวงการแพทย์จึงทำให้ประชาชนทั่วไปกังวล? เหตุผลเพราะการรักษาพยาบาล การศึกษา ที่อยู่อาศัย เป็นปัจจัยที่มีความเกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตของผู้คนโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรักษาพยาบาลซึ่งปัจจุบันมีต้นทุนที่สูง คนจีนทั่วไปยังเข้าไม่ถึงสวัสดิการทางการแพทย์ที่ดีพอ จนมีคำกล่าวที่ว่า “看不起病” อ่านว่า ค่านปู้ฉี่ปิ้ง หมายความว่าไม่มีปัญญาหาหมอ หรืออีกนัยหนึ่งหมายถึงต้นทุนการหาหมอสูงเกินที่คนทั่วไปจะรับผิดชอบไหว ดังนั้น การทุจริตคือปัญหาใหญ่ของวงการแพทย์จีนที่รัฐบาลต้องการกวาดล้าง เพราะไม่เพียงแต่ทำให้ต้นทุนการรักษาพยาบาลของประชาชนสูงเกินจริง เงินเบิกออกจากส่วนงบกลางก็สูงเกินจริงด้วยทำให้รัฐบาลเกิดความเสียหายมหาศาล

ในการปราบปรามการทุจริตทางการแพทย์ในครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่างๆ ในจีนดังต่อไปนี้

- ถือว่าเป็นการกำจัด “หนอน” ออกจากระบบการแพทย์ เปลี่ยนค่านิยมและทัศนคติบุคลากรทางการแพทย์ให้หันมาใส่ใจกับการรักษาและการวิจัยที่เป็นประโยชน์ ไม่ใช่สนใจกับวิธีการที่จะขึ้นสู่ตำแหน่งสูงๆ เพื่อหาช่องทางคอร์รัปชัน

- เงินคอร์รัปชันมหาศาลที่รัฐบาลยึดกลับมา นำมาใช้ในด้านที่เป็นประโยชน์กับการพัฒนาระบบสาธารณสุขในประเทศต่อไป

- การตัด “ห่วงโซ่ดำ” ที่บริษัทยาและบริษัทเครื่องมือแพทย์โอนผลประโยชน์ให้เงินใต้โต๊ะ ติดสินบนบุคลากรทางการแพทย์ ให้บริษัทพวกนี้ให้บริการที่ดีและให้ของราคาที่ถูกแก่โรงพยาบาล เพื่อให้ภาระค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลและคนไข้ลดลง

- ทำให้ความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของประชาชนกลับคืนมา ส่งเสริมการปฏิรูปการแพทย์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปอีก การปฏิรูประบบเงินเดือนของหมอและพยาบาลให้เหมาะสม ให้การรักษาทางการแพทย์เป็นเรื่องของสังคมสงเคราะห์ที่แท้จริง ไม่ใช่การแสวงหากำไรแบบสอดไส้เหมือนในปัจจุบัน ให้ประชาชนคนธรรมดามีเงินไปหาหมอและเข้าถึงการรักษาที่ดีพื้นฐานได้

การปราบปรามคอร์รัปชันนี้ต้องบอกว่าสะเทือนวงการแพทย์อยู่มาก ไม่กี่วันที่ผ่านมา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลในมณฑลกว่างตงแห่งหนึ่ง คุณหมอหลี่ ได้โพสต์ความเห็นส่วนตัวในโซเชียลว่า “การต่อต้านการทุจริตในครั้งนี้อาจนำไปสู่การล่มสลายของระบบการแพทย์ทั้งหมด!”

โรงพยาบาลแห่งหนึ่งติดสติกเกอร์ตรงประตูทางเข้า เตือนแพทย์พยาบาลอยู่ในกฎระเบียบไม่รับเงินใต้โต๊ะจากคนไข้ (ภาพจาก  ไป๋ตู้ไป๋เคอ)
ใจความหลักผู้อำนวยการหลี่บอกว่า “พวกคุณอย่าเพิ่งด่วนดีใจไป ตอนนี้การปราบปรามในวงการแพทย์เจาะจงที่ระดับผู้บริหารและหัวหน้าแผนก และที่โดนจับหรือกำลังโดนตรวจสอบต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ล้วนเป็นบุคลากรทางการแพทย์ระดับหัวกะทิผู้เชี่ยวชาญทั้งสิ้น ต้องบอกก่อนว่ากว่าจะเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญต้องเรียนและบ่มเพาะประสบการณ์มามากกว่า 30 ปี และหากหมอผู้เชี่ยวชาญพวกนี้ถูกจับไปหมดแล้วใครจะรักษาให้คนไข้? ให้แพทย์ฝึกงานอายุน้อยๆหรือแพทย์ที่ยังเรียนไม่จบมาทำงานแทนหรือ? ถ้าไม่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอาจารย์หมอแล้วคนไข้กล้าให้รักษาไหม? ทำไมถึงไม่แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ดังนั้นการปราบปรามแบบนี้ต่อไป ดีไม่ดีอาจจะทำให้ระบบการแพทย์ในประเทศล่มสลายได้เลย”

จากกระแสปราบคอร์รัปชันในวงการแพทย์จีนดังกล่าว เราจะเห็นได้ว่ามีหลากหลายเสียง ส่วนใหญ่ในส่วนของประชาชนคือการสนับสนุนและอยากให้ต้นทุนภาระการรักษาพยาบาลลดลง อีกฟากหนึ่งคือกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ก็ได้รับผลกระทบ กลุ่มที่เคยกระทำผิดรับสินบนก็หนาวๆ ร้อนๆ อีกประเด็นหนึ่งคือเงินเดือนแพทย์ของจีนปัจจุบันไม่ถือว่ามากหากเทียบกับภาระงาน ต่างจากประเทศพัฒนาแล้วที่หมอจะมีรายได้ดีถึงแม้ว่าจะต้องรับผิดชอบงานที่หนัก ยกตัวอย่างเช่น หมอผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านของอเมริการายได้ต่อปีอาจมากกว่า 5 ล้านบาท ในขณะที่หมอผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านของจีนรายได้เฉลี่ยต่อปีประมาณ 1-2 ล้านบาทเท่านั้น แพทย์จีนระดับผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก (โดยเฉพาะแพทย์ผ่าตัด) นอกจากงานประจำในโรงพยาบาลรัฐแล้ว เสาร์อาทิตย์ก็ไปรับงานนอกด้วย โดยการรับงานนอกของหมอหลายโรงพยาบาลถือว่าผิดกฎระเบียบและไม่สามารถทำได้

การปราบปรามการคอร์รัปชันในจีนยังคงดำเนินอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะคราวนี้พุ่งเป้าไปที่วงการแพทย์ที่กวาดล้างกันจนสั่นสะเทือน นอกจากการปราบปรามแล้ว รัฐบาลยังคงต้องทบทวนเงินเดือนและรายได้ของแพทย์ในปัจจุบันที่กลุ่มแพทย์เรียกร้องกันว่า “เงินเดือนหลักร้อยแต่งานหลักล้าน” แพทย์จีนเป็นอาชีพที่งานหนัก เงินไม่มาก ปัจจุบันอัตราแพทย์ต่อคนในประเทศคือ 1 : 1,000 กล่าวคือในประชากร 1,000 คนมีแพทย์อยู่เพียงคนเดียว ซึ่งถือว่าต่ำมาก ดังนั้นการปราบปรามคอร์รัปชันและปฏิรูปวงการแพทย์ของจีนยังเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง


กำลังโหลดความคิดเห็น