การซ้อมรบล้อมเกาะไต้หวันของกองทัพปลดแอกประชนจีน (พีแอลเอ) ระเบิดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ใช้กระสุนจริงเพื่อกำราบพวกสมคบคิดแบ่งแยกดินแดน ที่ไม่เลิกล้มความคิด
การซ้อมรบซึ่งเปิดฉากเมื่อวันเสาร์ (19 ส.ค.) เป็นการซ้อมรบล้อมเกาะไต้หวันครั้งที่ 3 หลังจากครั้งแรกเมื่อเดือน ส.ค. ปี 2565 คราวนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในขณะนั้นไปเยือนกรุงไทเป
ผู้เชี่ยวชาญของจีนระบุว่า นี่เป็นการซ้อมรบที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเกินความคาดหมายของฝ่ายไต้หวันเอง โดยกองทัพจีนสามารถระดมสรรพกำลังได้อย่างฉับพลันทันที ขณะที่ไต้หวันถึงแม้ตระหนักดีว่าการกระทำของนายวิลเลียม ไหล รองประธานาธิบดีของไต้หวัน ซึ่งกล้าแวะพักที่สหรัฐฯ และให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบลูมเบิร์กโดยใช้สำนวนโวหารเกี่ยวกับเอกราชของไต้หวัน ในระหว่างทางการไปเยือนปารากวัย เป็นการลองดีปักกิ่ง แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจีนจะระดมกำลังซ้อมรบได้รวดเร็วปานนี้ เห็นได้จากถ้อยแถลงของโฆษกกระทรวงกลาโหมไต้หวันก่อนการซ้อมรบอุบัติ 4 วันว่า นายไหล มีกำหนดเดินทางกลับจากการเยือนในวันศุกร์ ทว่ายังไม่มีวี่แววการซ้อมรบขนาดใหญ่จะเกิดขึ้น
แต่แล้วกระทรวงกลาโหมไต้หวันก็ต้องออกมาแถลงในเวลาต่อมาว่า ในช่วงเช้าวันเสาร์ต่อเนื่องถึงเช้าวันอาทิตย์ (20 ส.ค.) ไต้หวันสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวของเครื่องบินรบ 45 ลำ และเรือรบ 9 ลำของพีแอลเอได้รอบเกาะไต้หวัน โดยเครื่องบิน 27 ลำในจำนวนนี้ได้บินข้ามเส้นกึ่งกลางของช่องแคบไต้หวัน หรือบินล่วงล้ำเข้ามาในเขตที่ไต้หวันประกาศให้เป็นเขตแสดงตนเพื่อป้องกันภัยทางอากาศ มีเครื่องบินขับไล่ Su-30, J-11 และJ-10 เครื่องบินควบคุมบัญชาการ Y-9 หนึ่งลำ และเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ Z-9 หนึ่งลำรวมอยู่ด้วย
กองบัญชาการยุทธ์ภาคตะวันออกของจีนได้ประกาศการซ้อมรบเมื่อวันเสาร์ (19 ส.ค.) โดยระบุว่า เพื่อเป็นการส่งเสียงเตือนอย่างเฉียบขาดไปยังพวกแบ่งแยกดินแดนและกองกำลังต่างชาติ ซึ่งกำลังสมรู้ร่วมคิดกันเพื่อประกาศเอกราชไต้หวัน นอกจากนั้น ยังเป็นการฝึกซ้อมเพื่อทดสอบขีดความสามารถในการสู้รบจริง โดยมีการฝึกซ้อมทางทะเลและทางอากาศด้วยกระสุนจริงด้านทิศเหนือและตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะไต้หวัน มีการเคลื่อนกำลังอย่างประสานสอดคล้องว่องไวของหน่วยต่างๆ ทั้งเรือพิฆาต เรือฟริเกต เรือติดขีปนาวุธ ฝูงเครื่องบินขับไล่ เครื่องบินทิ้งระเบิด เครื่องบินสำหรับทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนการสนับสนุนจากกองกำลังขีปนาวุธและแหล่งข่าวกรองหลากหลาย เช่น ดาวเทียม เครื่องบินสอดแนม เครื่องบินเตือนภัย โดยเป็นการจำลองสถานการณ์ว่า ไต้หวันถูกปิดล้อมและถูกรุกคืบเข้ามาจากทุกทิศทาง
ด้านนายฝู เฉียนเซา ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารของจีนระบุว่า เมื่อมีการซ้อมรบขนาดใหญ่ที่หลอมรวมหน่วยต่างๆ อยู่เป็นประจำ กองทัพจีนย่อมพร้อมปฏิบัติภารกิจต่างๆ ในช่องแคบไต้หวันได้ทุกเมื่อ
นายซ่ง จงผิง ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารของจีนอีกคนระบุว่า การฝึกซ้อมปิดล้อมไต้หวันเช่นนี้ย่อมหมายถึงพีแอลเอสามารถปราบปรามเป้าหมายทางทหารทั้งที่อยู่บนเกาะไต้หวัน และโดยรอบ หรือแม้กระทั่งจากสหรัฐฯ ได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ จีนถือว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน จึงไม่มีสิทธิดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูตกับชาติใดๆ ได้ โดยรองประธานาธิบดีไหล ซึ่งจีนให้เครดิตตำแหน่งเพียงรองผู้นำภูมิภาคไต้หวันนั้น ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวันในนามพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (ดีพีพี) ซึ่งชูนโยบายประกาศเอกราชไต้หวันในการเลือกตั้งปี 2567
จีนซ้อมรบครั้งใหญ่รอบเกาะไต้หวันครั้งที่ 2 หลังจากประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน จากพรรคดีพีพี แวะเปลี่ยนเครื่องบินที่สหรัฐฯ ระหว่างเส้นทางเยือนชาติในอเมริกาใต้เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
ที่มา : โกลบอลไทมส์