บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่แดนมังกรอย่างอาลีบาบากรุ๊ป แบ่งปันขุมทรัพย์ด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) แก่เพื่อนร่วมชาติ ผ่านสถาบันต๋าหมัว ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มด้านการวิจัยภายในองค์กร
สถาบันต๋าหมัว จะเปิดกว้างให้สาธารณชนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของสถาบันโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายได้เป็นครั้งแรก โดยอนุญาตให้ใช้สิทธิบัตรเกี่ยวกับเอไอได้อย่างหลากหลายถึง 100 ฉบับ เช่น การประมวลผลภาพ ( image processing) เทคโนโลยีวิดีโอ และการสร้างภาพ 3 มิติ จากการแถลงของต๋าหมัวเมื่อสัปดาห์ก่อน
จุดประสงค์เพื่อให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของจีนได้มีเทคโนโลยีเอไอไว้ใช้ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าอย่างมากในท่ามกลางการเร่งพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
ใบอนุญาตเหล่านี้จะรวมอยู่ในรายการสิทธิบัตรแห่งชาติ ซึ่งพิมพ์เผยแพร่โดยศูนย์แลกเปลี่ยนทรัพย์สินทางปัญญาในสังกัดรัฐบาลมณฑลเจ้อเจียงทางภาคตะวันออก ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของอาลีบาบากรุ๊ป
โครงการสิทธิบัตรแห่งชาตินี้ขอการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัย และสถาบันวิจัยหลายสิบแห่ง เพื่อให้ธุรกิจรายย่อยสามารถใช้เทคโนโลยีที่ถูกจดสิทธิบัตรกว่า 6,800 ฉบับ โดยเสียค่าธรรมเนียมปีละ 5 หมื่นหยวน (ราว 242,000 บาท ) หรือน้อยกว่านั้น
ความเคลื่อนไหวของอาลีบาบากรุ๊ปมีขึ้นในขณะที่จีนกำลังเร่งผลักดันให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีเอไอ โดยบริษัทเทคโนโลยีระดับบิ๊กของจีนต่างทุ่มเททรัพยากรในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เอไอของตนเอง ท่ามกลางสถานการณ์ที่จีนกำลังถูกสหรัฐฯ จำกัดการส่งออกและการลงทุนด้านเทคโนโลยีขั้นสูงมากขึ้นทุกที ซึ่งล่าสุดผู้นำสหรัฐฯ เพิ่งใช้อำนาจบริหาร สั่งจำกัดการลงทุนของบริษัทอเมริกันในจีนในด้านเซมิคอนดักเตอร์ ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีสารสนเทศด้านควอนตัม และระบบเอไอ
จีนมีการยื่นขอจดสิทธิบัตรด้านเอไอมากกว่าชาติใดในโลก ราว 648,500 ฉบับในช่วงปี 2561-2565 หรือร้อยละ 60 ของการยื่นจดสิทธิบัตรทั้งหมดในโลก จากข้อมูลของแพตสแนป (PatSnap) บริษัทวิเคราะห์ด้านการวิจัยและพัฒนา
สหรัฐฯ ตามมาเป็นอันดับที่ 2 ราว 191,000 ฉบับ และเกาหลีใต้อันดับที่ 3 ราว 52,800 ฉบับ
ต๋าหมัวระบุว่า ในจำนวนสิทธิบัตรฟรี 100 ฉบับนี้ มี 3 ฉบับมุ่งในด้านการรักษาโรคมะเร็งอย่างแม่นยำ ซึ่งอาจช่วยให้โรงพยาบาลต่างๆ เสนอทางออกในการรักษาผู้ป่วยอย่างชาญฉลาด ส่วนสิทธิบัตรอื่นๆ อย่างเช่นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการจัดการจราจรอัจฉริยะ เทคโนโลยีการระบุภาพ ซึ่งนำไปใช้กับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เพื่อกำจัดสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ โดยทางสถาบันมีแผนอนุญาตให้ใช้สิทธิบัตรฟรีมากกว่านี้ในอนาคต เพื่อสร้างระบบนิเวศเทคโนโลยีเอไอที่เปิดกว้างมากขึ้น
อาลีบาบาก่อตั้งสถาบันต๋าหมัวในปี 2560 ด้วยวัตถุประสงค์มุ่งสร้างนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมที่สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกผัน สถาบันมีห้องปฏิบัติการทั้งหมด 16 แห่ง ครอบคลุมการวิจัยและพัฒนาตั้งแต่ด้านเอไอ ยานยนต์ไร้คนขับ ไปจนถึงควอนตัมคอมพิวติ้ง และเซมิคอนดักเตอร์
นอกจากนั้น เมื่อเดือน เม.ย.2566 หน่วยคลาวด์ของอาลีบาบา ยังเปิดตัว “ทงอี้ เชียนเวิ่น” บริการแชตบอตเอไอ ที่สามารถเข้าใจทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษ โดยใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ของต๋าหมัว เพื่อเป็นทางเลือกใหม่นอกเหนือจากแชตจีพีทีของบริษัทโอเพนเอไอของอีลอน มัสก์ นับเป็นบริษัทรายแรกๆ ของจีนที่โดดร่วมขบวนแชตบอตเอไอ และขยายอิทธิพลด้านเอไอไปสู่ระดับโลก
ที่มา : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์