เรื่องราวน่าเศร้าของเด็กชายวัย 10 ขวบ จากเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ที่ถึงแม้ว่าเขาจะเรียนเก่งและมักจะมีผลการเรียนเป็นอันดับ 1 ของชั้น แต่พ่อแม่กลับคิดว่ามันยังดีไม่พอ หาแบบฝึกหัดและการบ้านเสริมมากมายมาให้ทำทุกวัน จนเด็กชายเครียดจัด ถึงขนาดมีอาการชักวันละหลาย 10 ครั้ง
โดยในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา พ่อแม่ได้พาเด็กชายไปพบแพทย์ หลังลูกชายได้ยินพวกเขาเตือนให้ไปทำการบ้านก็ถึงกับชัก และมีอาการรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งยังมีปัญหาด้านอารมณ์ร่วมด้วย ซึ่งแพทย์พบว่าอาการทั้งหมดล้วนมีสาเหตุมาจากผู้ปกครอง
เด็กชายเล่าให้แพทย์ฟังว่า ไม่ว่าเขาจะสอบได้อันดับ 1 สักกี่ครั้ง พ่อของเขาก็ยังคงไม่พอใจ ทุกวันนี้ นอกจากที่เขาจะต้องทำการบ้านของที่โรงเรียนให้เสร็จแล้ว เขายังต้องทำแบบฝึกหัดเสริมของแม่ด้วย มันทำให้เขาทั้งเครียดและเหนื่อยไปหมด แต่ละคืนก็ยากที่จะข่มตานอน
นอกจากนี้ พอปล่อยให้เด็กชายทำแบบทดสอบบุคลิกภาพ เด็กกลับปล่อยโฮ ร้องไห้อย่างหนัก เพราะเขาคิดว่าตัวเองกำลังทำการบ้านอยู่ ซึ่งเด็กชายบอกกับแพทย์ว่า การอ่านและเขียนหนังสือล้วนมีผลต่ออารมณ์ของเขาทั้งสิ้น ยิ่งไปกว่านั้นมันยังทำให้เขาเกิดอาการชัก
จากอาการทั้งหมด แพทย์ได้ข้อสรุปว่า เด็กชายป่วยเป็น "โรคฮิสทีเรีย" (Hysteria) ซึ่งส่งผลกระทบต่อการรับรู้ อารมณ์ ความจำ พฤติกรรม ตลอดจนการตระหนักรู้ในตนเอง นอกจากนี้ อาการดังกล่าวยังส่งผลต่อชั่วโมงการนอนและน้ำหนักตัว ดังนั้น เพื่อเข้ารับการรักษา เด็กชายจำเป็นที่จะต้องนอนอยู่โรงพยาบาล
ทว่าแพทย์ก็ต้องอึ้ง เมื่อพ่อแม่ของเด็กชายไม่ได้เข้าใจและสนใจอาการของลูกชายสักเท่าไหร่ พวกเขาคิดว่า แค่ลูกชักเสร็จและลุกขึ้นมาได้ก็ไม่เป็นไรแล้ว โดยขณะที่อยู่โรงพยาบาล แม่ของเด็กชายยังขนสูตรคูณและข้อสอบมาให้ทำถึงที่ สุดท้ายจึงต้องมีการเชิญผู้ปกครองให้กลับบ้าน และปล่อยให้เด็กชายพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเพียงลำพัง
ทั้งนี้ หลังเข้ารับการรักษาไปได้ระยะหนึ่ง อาการของเด็กชายเริ่มดีขึ้น และเมื่อใกล้ออกจากโรงพยาบาล จิตแพทย์ได้ให้คำแนะนำกับผู้ปกครองว่า อย่ากดดันและเข้มงวดกับลูกมากเกินไป
อนึ่ง โรคฮีสทีเรีย จัดเป็นโรคทางจิตเวชประเภทหนึ่ง แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ โรคประสาทฮิสทีเรีย (Conversation Reaction) และโรคบุคลิกภาพแบบฮิสทีเรีย (Histrionic Personality Disorder) โดยกรณีของเด็กชายนั้นจัดอยู่ในลักษณะแรก ซึ่งเกิดจากความเครียด ความขัดแย้งทางจิตใจอย่างรุนแรง จนเกิดความผิดปกติในด้านการเคลื่อนไหว หรือการรับรู้ เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง อัมพาต ชัก กล้ามเนื้อกระตุก มองไม่เห็น พูดไม่ได้ โดยอาการเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของร่างกาย แต่เป็นผลมาจากจิตใจ
ที่มา: 一听到写作业就抽搐！男童罹罕病爸妈不在意：抽完爬起来就没事 (Oriental Daily News)
