ศูนย์ตรวจวัดการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวอู่ฮั่นถูกกลุ่มแฮกเกอร์ต่างชาติจารกรรมข้อมูล ผู้เชี่ยวชาญของจีนแกะรอย พบหลักฐานเบื้องต้นว่า เป็นฝีมือสหรัฐฯ เจ้าเก่าที่เคยเจาะข้อมูลมหาวิทยาลัยชื่อดังแดนมังกรเมื่อปีก่อน
จากการเปิดเผยของสำนักงานบริหารจัดการเหตุฉุกเฉินเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยเมื่อวันพุธ (26 ก.ค.) มีการเจาะเข้าไปในระบบของอุปกรณ์เครือข่ายบางตัวที่สถานีรวบรวมข้อมูลส่วนหน้าของศูนย์ตรวจวัดการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวอู่ฮั่น แต่ไม่อาจเล็ดลอดการตรวจจับของศูนย์รับมือเหตุฉุกเฉินไวรัสคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (CVERC) และบริษัท 360 ผู้ให้บริการรักษาความปลอดภัยอินเทอร์เน็ตไปได้
ศูนย์ตรวจวัดจึงรีบปิดผนึกอุปกรณ์ที่ถูกล้วงตับไตไส้พุงทันที จากนั้นรายงานเหตุโจมตีต่อสำนักงานพิทักษ์สันติราษฎรประจำเมือง เพื่อดำเนินการสอบสวนหาตัวหัวขโมยไซเบอร์รายนี้
ผลการสอบสวนพบว่า ข้อมูลเกี่ยวกับระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหวถูกจารกรรมด้วยโปรแกรมไวรัสม้าเมืองทรอย หรือม้าโทรจันจากฝีมือองค์กรแฮกเกอร์ต่างชาติ ซึ่งมีผู้สนับสนุนระดับรัฐบาล
นับเป็นหน่วยงานระดับชาติอีกแห่งหนึ่งของจีนที่ถูกโจมตีทางไซเบอร์ หลังจากเพิ่งเกิดขึ้นกับมหาวิทยาลัยสารพัดช่างนอร์ทเวสเทิร์น (NWPU) ในเมืองซีอาน มณฑลส่านซีเมื่อเดือน มิ.ย. ปี 2565 โดย CVERC และบริษัท 360 ร่วมมือกันสืบค้น ผลสรุปออกมาว่า เป็นการลงมือโดย หน่วยปฏิบัติการเจาะข้อมูลเฉพาะเป้าหมายที่ถูกกำหนด (TAO) ซึ่งเป็นหน่วยสืบข่าวกรองสงครามไซเบอร์ในสังกัดของ สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (NSA)
ทีมผู้เชี่ยวชาญของ CVERC และบริษัท 360 เดินทางมาเมืองอู่ฮั่น เพื่อเก็บหลักฐาน ซึ่งในเบื้องต้นบ่งชี้ว่า เป็นการโจมตีจากสหรัฐฯ เช่นกัน
เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนประณามเหตุโจมตีทางไซเบอร์ว่า เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อความมั่นคงของจีน
จากผลการเฝ้าติดตามของบริษัท 360 นั้น สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ลอบเจาะระบบข้อมูลที่มีความสำคัญในจีนมาแล้วหลายร้อยครั้งเป็นอย่างน้อย โดยตรวจพบโปรแกรมม้าโทรจันอยู่ในระบบข้อมูลของหน่วยงานจำนวนหนึ่งของจีน ชาติอื่นๆ ก็ตกเป็นเหยื่อเช่นกัน
ผู้เชี่ยวชาญของจีนระบุว่า หากเจาะข้อมูลของศูนย์ตรวจวัดการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวได้ จะสามารถคาดคะเนลักษณะของโครงสร้างใต้พิภพ ยกตัวอย่างเช่น อาจทำให้สรุปได้ว่า อาจมีโพรงขนาดใหญ่ หรือแม้กระทั่งมีฐานทัพ หรือกองบัญชาการอยู่ใต้ดิน ข้อมูลเกี่ยวกับระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหวจึงมีความสำคัญต่อความมั่นคงของชาติอย่างยิ่ง
ที่มา : โกลบอลไทมส์