รมว.คลังสหรัฐฯ หอบความสำเร็จจากการเยือนจีนกลับบ้าน พร้อมฝากคำคม โลกนี้ใหญ่พอให้มะกันมังกรเติบโต แต่ไม่วายถูกชาวเน็ตอเมริกันสวดยับไปโค้งคำนับรองนายกรัฐมนตรีจีนทำไม
นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เสร็จสิ้นการเยือนจีนเป็นเวลา 4 วันเมื่อวันอาทิตย์ (9 ก.ค.2566) โดยแถลงที่สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงปักกิ่งว่า ได้มีการเจรจาอย่างตรงไปตรงมากับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของปักกิ่ง ซึ่งบรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ โดยถึงแม้สหรัฐฯ และจีนไม่ลงรอยกันในประเด็นสำคัญหลายเรื่อง แต่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และตนเองมองความสัมพันธ์ระหว่างสองชาตินอกกรอบความขัดแย้ง และเชื่อว่าโลกนี้กว้างใหญ่พอสำหรับการเติบโตของชาติทั้งสอง
โกลบอลไทมส์รายงานว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องนำสิ่งที่ประธานาธิบดีไบเดน และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้บรรลุความเข้าใจตรงกันระหว่างการพบหารือที่บาหลีเมื่อปีที่แล้วมาปฏิบัติ อีกทั้งตกลงให้สหรัฐฯ และจีนติดต่อสื่อสารและร่วมมือกันมากขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาท้าทายในโลก
จากรายงานของสำนักข่าวซินหัว นายกรัฐมนตรี หลี่ เฉียง กล่าวย้ำกับนางเยลเลนว่า การพัฒนาประเทศของจีนเป็นโอกาสมากกว่าเป็นปัญหาท้าทายให้สหรัฐฯ
นักวิเคราะห์ของจีนมองว่า การมาของนางเยลเลน คล้อยหลังการเยือนจีนของนายแอนโทนี บลิงเคน รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ไม่ถึงหนึ่งเดือนเป็นสัญญาณเชิงบวกว่า ทั้งสองฝ่ายต้องการรักษาการเจรจาอย่างสร้างสรรค์และเปิดเผยตรงไปตรงมาร่วมกันต่อไปเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าสหรัฐฯ คงไม่มีทางเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์แยกห่วงโซ่เศรษฐกิจจากจีน และการสกัดการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีนอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ที่เดินมาถึงจุดตกต่ำสุดระหว่างชาติมหาอำนาจทั้งสอง ทำให้การเหยียบถิ่นมังกรของนางเยลเลน ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด จนเกิดประเด็นร้อน เมื่อขุนคลังหญิงวัย 76 ปี เข้าพบรองนายกรัฐมนตรี เหอ ลี่เฟิง ซึ่งคุมงานด้านเศรษฐกิจในกรุงปักกิ่งเมื่อวันเสาร์ (8 ก.ค.) และโค้งคำนับ 3 ครั้งตามธรรมเนียมจีน ขณะจับมือกับอีกฝ่าย ซึ่งมิได้คำนับตอบ
“เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ไม่เคยและไม่มีวันโค้งคำนับ มันดูเหมือนกับว่าเธอถูกเรียกตัวไปพบที่ห้องครูใหญ่และนั่นเป็นภาพที่คนจีนชอบจริงๆ” นายแบรดลีย์ เบลกแมน อดีตเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวสมัยประธานาธิบดี จอร์จ บุช วิจารณ์กับนิวยอร์กโพสต์
ตามรายงานของฟ็อกซ์นิวส์ มีผู้เห็นว่า การเลือกทำตามธรรมเนียมจีนของนางเยลเลนเป็นการละเมิดหลักปฏิบัติตามพิธีการ และไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้น ผู้ใช้ทวิตเตอร์คนหนึ่งถามว่า ใครเป็นหัวหน้าใครเป็นลูกน้องกันหรือ อีกคนวิจารณ์ว่า คุณยายทำให้สหรัฐฯ ขายหน้า ส่วนอีกคนประชดว่า ฉันแปลกใจว่าทำไมเธอไม่คุกเข่าและจูบแหวนของเขาให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย