เมื่อวันศุกร์ (7 ก.ค.) จีนประกาศปรับเงิน “แอนท์ กรุ๊ป” (Ant Group) เจ้าของอาลีเพย์ (Alipay) บริษัทในเครืออาลีบาบาจำนวน 7.12 พันล้านหยวน (ราว 3.5 หมื่นล้านบาท) ฐานละเมิดกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค
เมื่อปี 2563 รัฐบาลจีนสั่งยุติแผนการเสนอขายหุ้นครั้งแรกต่อสาธารณะ (IPO) ของแอนท์ กรุ๊ป ซึ่งตอนนั้นเป็นข่าวใหญ่โตไปทั่วโลกเพราะหากแอนท์ กรุ๊ป ขึ้นตลาดหลักทรัพย์สำเร็จจะกลายเป็นการเสนอขายหุ้นครั้งแรกต่อสาธารณะครั้งแรกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งจะมีจำนวนเงินระดมทุนเข้าซื้อมากถึง 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ต่อมาเมื่อปี 2564 จีนบังคับให้แอนท์ กรุ๊ปปรับโครงสร้างใหม่ทั้งหมด โดยธนาคารกลางของจีนระบุว่า การดำเนินการดังกล่าวทำให้แอนท์ กรุ๊ป อยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่เข้มงวดมากขึ้น รวมถึงต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดเงินทุนขั้นต่ำ และจะตัดความเชื่อมโยงที่ "ไม่เหมาะสม" ระหว่างอาลีเพย์ บัตรเครดิต และบริการสินเชื่อผู้บริโภค
นอกจากนี้ แอนท์ กรุ๊ปยังต้องจัดตั้งบริษัทรายงานข้อมูลเครดิตส่วนบุคคล เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและป้องกันการละเมิดข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ค่าปรับดังกล่าวมีจำนวนสูงที่สุดนับตั้งแต่จีนไล่ลงโทษบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน
มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าการลงโทษปรับเงินจำนวนมหาศาลดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากที่ “แจ๊ค หม่า” หนึ่งในผู้ก่อตั้งเครืออาลีบาบาเดินทางกลับจีนไม่นานก่อนหน้านี้ ก่อนหน้านี้ นายหม่าหายไปจากการปรากฏตัวต่อสาธารณะ และมีรายงานข่าวพบเห็นเขาในต่างประเทศ
ที่ผ่านมา อาลีบาบาถูกรัฐบาลจีนกดดันอย่างหนักหน่วง เช่น เมื่อปี 2564 ธนาคารแห่งประชาชนจีนซึ่งเป็นธนาคารกลาง ร่วมกับผู้คุมกฎภาคการธนาคารและตลาดหลักทรัพย์ ได้เรียกแจ็ค หม่า ไปพบด่วนเพื่อกำชับให้แก้ไขปรับปรุงการทำธุรกิจด้านปล่อยกู้ หลังจากที่แอนท์ กรุ๊ป ก็ถูกสั่งระงับการระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (IPO)
ต่อมา ผู้คุมกฎด้านตลาดประกาศปรับอาลีบาบา กรุ๊ป เป็นเงินถึง 18.2 พันล้านหยวน หรือ 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โทษฐานผูกขาดตลาดจากการออกกฎ “2 เลือก 1” บนแพลตฟอร์มค้าปลีกออนไลน์ ซึ่งเป็นการห้ามผู้ค้าที่เซ็นสัญญานำสินค้ามาวางขายบนแพลตฟอร์มในเครืออาลีบาบานำสินค้าไปขายหรือโปรโมตสินค้าในแพลตฟอร์มคู่แข่งอื่นๆ
ที่มา กลุ่มสื่อต่างประเทศ