มะกันไม่เลิกขายฝันชาติอาหรับ อ้างตัวเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือที่ชาติอาหรับควรเลือกมากที่สุด แต่ความร่วมมือระหว่างจีนกับชาติอาหรับได้ถูกตอกเสาเข็มลงลึกเสียแล้ว จากประจักษ์พยานความสำเร็จของการประชุมด้านธุรกิจจีน-อาหรับ ครั้งที่ 10
การประชุมซึ่งซาอุดีอาระเบียเป็นเจ้าภาพ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-12 มิ.ย. ที่กรุงริยาด มีเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลและตัวแทนภาคธุรกิจทั้งจีน และอาหรับเข้าร่วมกว่า 3,500 คน สามารถบรรลุข้อตกลงความร่วมมืออย่างรอบด้านหลายสิบฉบับ รวมมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ครอบคลุมภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น เทคโนโลยี พลังงานหมุนเวียน การเกษตร อสังหาริมทรัพย์ เหมืองแร่ ห่วงโซ่อุปทาน การท่องเที่ยว และสุขภาพ
การประชุมครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณความรุดหน้าล่าสุดของความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจและการทูต หลังจากมีการประชุมผู้นำจีน-รัฐอาหรับครั้งแรกเมื่อเดือน ธ.ค.2565 และการขยายบทบาทของจีนในการช่วยให้ชาติมหาอำนาจคู่ปรปักษ์ในตะวันออกกลางอย่างซาอุฯ และอิหร่านกลับมาฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตกันใหม่
นักวิเคราะห์แดนมังกรมองว่า การประชุมด้านธุรกิจจีน-อาหรับ ครั้งที่ 10 ยังสะท้อนให้เห็นถึงการตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนของชาติอาหรับว่า ไม่ต้องการเล่นเกมของสหรัฐฯ ซึ่งมีแต่ผู้ชนะกับผู้แพ้ (zero-sum game) ทว่าชาติอาหรับมุ่งแสวงหาความร่วมมือในแบบที่ทุกฝ่ายได้รับชัยชนะร่วมกัน
มีรายงานว่า สิ่งที่สหรัฐฯ วิตกกังวลและไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย นั่นคือ ความร่วมมือลึกซึ้งระหว่างซาอุฯ กับจีนในด้านความมั่นคงและเทคโนโลยีขั้นสูง
ก่อนการประชุมจะเปิดฉากไม่กี่วัน นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ไปเยือนซาอุฯ และบอกว่า สหรัฐฯ มิได้ขอให้ใครต้องเลือกข้างระหว่างสหรัฐฯ กับจีน แต่ในการเลือกหุ้นส่วนความร่วมมือนั้นสหรัฐฯ คือทางเลือกอันดับหนึ่งสำหรับชาติแถบอ่าวเปอร์เซียส่วนใหญ่
นักวิเคราะห์ของจีนมองว่า ซาอุฯ ซึ่งเป็นพี่เบิ้มในตะวันออกกลางได้แสดงจุดยืนที่เป็นการให้คำตอบกับบลิงเคนแล้ว ระหว่างการประชุมด้านธุรกิจจีน-อาหรับ โดยนักข่าวยิงคำถามเจ้าชาย อับดุลอะซีซ บิน ซัลมาน รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของซาอุฯ ถึงเรื่องที่สหรัฐฯ วิพากษ์วิจารณ์ความสัมพันธ์ระหว่างซาอุฯ กับจีน
“ผมไม่สนใจแม้แต่น้อย” เขาตอบ
เจ้าชายระบุว่า ซาอุฯ ตระหนักถึงความจริงในวันนี้ว่า จีนกำลังมีบทบาทนำ ซึ่งจะเป็นอยู่ต่อไป นอกจากนั้น ซาอุฯ ไม่ต้องการแข่งขัน แต่ต้องการร่วมมือกับจีน
“เราคือซาอุดีอาระเบีย เราไม่ต้องการเข้าร่วมในสิ่งที่ผมเรียกว่า เกมผลรวมเป็นศูนย์ (zero-sum game) เราเชื่อว่ายังมีโอกาสอยู่อีกมากมายในโลก”
นายอิบราฮิม ฮาเชม นักวิจัยของสถาบันเอเชียโกลบอล แห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกงมองว่า นี่คือการออกหมัดแย็บแบบไม่เปิดเผยกับผู้ที่ต้องการให้ชาติอาหรับเลือกข้าง ซึ่งจะไม่เกิดขึ้น และเจ้าชายกำลังพูดแทนอาหรับทั้งหมด โดยบลิงเคนเสแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่า สหรัฐฯ มิใช่ทางเลือกอันดับหนึ่งในการเป็นหุ้นส่วนอีกต่อไปแล้ว แต่ชาติแถบอ่าวเปอร์เซียได้ตัดสินใจมีพันธมิตรอย่างหลากหลาย และสหรัฐฯ เป็นแค่หุ้นส่วนหนึ่งเท่านั้น
นายหลิว จงหมิน อาจารย์ประจำสถาบันตะวันออกกลางศึกษา ของมหาวิทยาลัยนานาชาติศึกษาเซี่ยงไฮ้ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ส่วนใหญ่งดเว้นไม่เอ่ยถึงจีนโดยตรง แต่ขณะเดียวกันก็ขัดขวางการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับชาติอาหรับอย่างเอาจริงเอาจัง และปฏิกิริยาดังกล่าวของฝ่ายซาอุฯ เป็นการบอกเป็นนัยว่า ไม่ยอมรับถ้อยแถลงของนายบลิงเคนอย่างแท้จริง
นายหลิว ยังระบุว่า แม้สหรัฐฯ กำลังย้ายยุทธศาสตร์จากภูมิภาคตะวันออกกลางมาสู่การแข่งขันช่วงชิงอำนาจกับรัสเซียและจีน แต่สหรัฐฯ พยายามเก็บรักษาอิทธิพลที่มีอยู่ในตะวันออกกลางให้ได้นานที่สุด และอาจไม่คาดคิดว่าสถานการณ์ในตะวันออกกลางในปีนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลเช่นนี้ สหรัฐฯอาจรู้สึกงงๆ ที่เห็นอิทธิพลของตนตกต่ำลงและชาติมหาอำนาจอื่นๆ ผงาดขึ้นมาในตะวันออกกลางแทน
ข้อมูลจาก “China-Arab cooperation deepens at key biz conference, in clear rejection of US’ zero-sum game” ในโกลบอลไทมส์