ในที่สุดแอมเนสตี้ก็ออกมายอมรับแล้วว่า นักศึกษาชาวอุยกูร์มิได้ถูกอุ้มหายตัวไปในฮ่องกงอย่างที่เคยออกมากล่าวหารัฐบาลฮ่องกง
เรื่องราวการให้ข่าวผิดพลาดขององค์การนิรโทษกรรมสากล (แอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนล) เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ (26 พ.ค.) กลุ่มสิทธิมนุษยชนชั้นนำของโลกรายนี้จี้ให้รัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกงของจีนรีบบอกมาเสียดีๆ ว่า นายอาบูดูไวลี อาบูดูเรฮีมัน (Abuduwaili Abudureheman) ตอนนี้อยู่ที่ไหน หลังจากนักศึกษา ซึ่งเกิดในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ผู้นี้เดินทางจากเกาหลีใต้มาเยี่ยมเพื่อนที่ฮ่องกง เมื่อวันที่ 10 พ.ค. แล้วก็เงียบหายไปเลยกว่า 2 สัปดาห์ โดยเขาเพิ่งส่งข้อความถึงเพื่อนคนนั้นว่า ถูก “ตำรวจชาวจีน” สอบปากคำที่สนามบิน ก่อนหายตัวไป
รัฐบาลฮ่องกงงัดหลักฐานมาหักล้างในอีกหนึ่งวันต่อมาว่า บุคคลที่พวกคุณตามหานั้นมีบันทึกของทางการยืนยันว่า “มิได้เข้ามา หรือถูกห้ามเข้ามาในฮ่องกง” คราวนี้รัฐบาลฮ่องกงจี้ให้อีกฝ่ายขอโทษบ้าง เพราะแอมเนสตี้มีเจตนาโจมตีรัฐบาลฮ่องกงและให้ร้ายสถานการณ์สิทธิมนุษยชนที่นี่ โดยมิได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน
กระนั้น แอมเนสตี้ก็ยังคงยืนยันเป็นห่วงความปลอดภัย เกรงว่านายอาบูดูเรฮีมันอาจถูกจับทรมาณ หรือถูกกักขัง เพราะมีข้อมูลชนเชื้อสายอุยกูรในซินเจียง ถูกรัฐบาลจีนกวาดล้าง ขณะที่สื่อบางสำนักสงสัยว่า เขาอาจถูกส่งตัวไปจีนแผ่นดินใหญ่แล้วก็ได้
แต่สุดท้ายคดีการหายตัวปริศนาก็โอละพ่อ
ปรากฏว่า นักศึกษาผู้นี้ยังใช้ชีวิตตามปกติอยู่ในเกาหลีใต้ โดยมหาวิทยาลัยกุกมิน ในกรุงโซลเป็นผู้เปิดเผยต่อสังคม นายอาบูดูเรฮีมัน เรียนที่นี่มา 7 ปีแล้ว และกำลังเรียนต่อระดับปริญญาเอกด้านการกีฬา ทางมหาวิทยาลัยยืนยันว่า เขามีการติดต่อกับอาจารย์ผู้สอนบ่อยๆ
แอมเนสตี้จึงต้องออกมาแถลงหน้าแตกหมอไม่รับเย็บในเวลาต่อมาเมื่อวันอังคาร (30 พ.ค.) ว่า นักศึกษาชาวอุยกูร์ผู้นี้ได้แจ้งกับแอมเนสตี้ว่า มิได้เดินทางไปฮ่องกง ซึ่งไม่ตรงกับข้อมูลที่ได้รับก่อนหน้า แต่แอมเนสตี้มิได้ให้รายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น หรือตอบคำถามผู้สื่อข่าว บอกเพียงว่า รู้สึกดีใจที่พบตัวนายอาบูดูเรฮีมันแล้ว
งานนี้แอมเนสตี้ไม่ยอมขอโทษรัฐบาลฮ่องกง อีกทั้งสำทับว่า จะติดตามตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์ในจีนแผ่นดินใหญ่ และในต่างประเทศ รวมทั้งสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในฮ่องกงต่อไป
ด้านรัฐบาลฮ่องกงก็ไม่ว่าอะไร นอกจากประจานว่า แอมเนสตี้พยายามปกปิดความผิดที่ตัวเองทำไว้ และพยายามหาข้อแก้ตัวสำหรับเรื่องน่ารังเกียจที่กุขึ้นมาก็เท่านั้นเอง
ที่มา : เอพี / เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์