ในทันทีที่เสร็จสิ้นการประชุมผู้นำจี7 ที่เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันอาทิตย์ (21 พ.ค.) ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ก็ออกมาแถลงข่าวเป็นเชิงเรียกร้องให้จีนกับสหรัฐฯ ติดต่อพูดคุยกันมากขึ้น พร้อมกับบอกเป็นนัยด้วยว่า เขาอาจมีการพูดคุยกับผู้นำจีนในเร็ววัน
“ด้านหนึ่งสหรัฐฯ มาขอติดต่อพูดคุยกับจีน ทว่าอีกด้านหนึ่งสหรัฐฯ กลับบดขยี้ และควบคุมบังคับจีนทุกวิถีทางที่ทำได้” เหมา หนิง โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน กล่าวตอบโต้ระหว่างการแถลงข่าวตามปกติที่กรุงปักกิ่งในวันรุ่งขึ้น
โฆษกกระทรวงต่างประเทศแดนมังกรถามหาความจริงใจจากรัฐบาลไบเดน ที่ประกาศคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่และหน่วยงานองค์กร ตลอดจนบริษัทของจีน เหมา หนิงระบุว่า สหรัฐฯ ควรยกเลิกการคว่ำบาตรเสียแต่บัดนี้ ขจัดอุปสรรค และสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการพูดคุยสนทนาให้ได้เสียก่อน
ในการแถลงข่าวเมื่อวันอาทิตย์ ไบเดนคาดหวังว่าความสัมพันธ์ที่เย็นชาจากกรณีบอลลูนจีน ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเข้ามาสอดแนมในสหรัฐฯ เมื่อต้นปีจะฟื้นดีขึ้น “ในเวลาไม่นานนัก”
“เราน่าจะเปิดสายด่วนกัน” ไบเดนระบุ
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาเคยตกลงกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เมื่อคราวประชุมจี20 ที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซียเมื่อปีที่แล้วว่า ต้องเปิดช่องทางการสื่อสารระหว่างกันไว้ แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปหลังจากเหตุการณ์บอลลูน ซึ่งตอนนี้ไบเดน เรียกว่า บอลลูนไร้สาระ พร้อมกับเสริมว่า รัฐบาลสหรัฐฯ อาจยกเลิกการคว่ำบาตรนายหลี่ ซ่างฟู รมว.กลาโหมจีน เพื่อที่ว่านายหลี่ กับนายลอยด์ ออสติน รมว.กลาโหมของสหรัฐฯ อาจมีโอกาสหารือกันในงานหนึ่งที่สิงคโปร์เดือนหน้า
ที่ผ่านมา รัฐบาลของไบเดน พยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนด้วยวิธีการกดดันอีกฝ่าย กล่าวคือ ประกาศมาตรการกีดกันไม่ให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีชิปขั้นสูงของตน และการขึ้นบัญชีดำบริษัทเทคโนโลยีของจีนโดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง แต่ขณะเดียวกัน ก็ออกมาเรียกร้องชนิดถี่ยิบให้จีนเจรจาด้วย กลยุทธ์นี้ดูเหมือนจะได้ผลในระดับหนึ่ง เมื่อรมว.พาณิชย์ของจีนจะพบหารือกับรมว.พาณิชย์ และผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้
แต่ไบเดน ซึ่งพยายามโน้มน้าวชาติอื่นๆ ให้เดินตามยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ก็ยังไม่สมหวังกับการดำเนินนโยบายแบบคู่ขนาน ที่มีการติดต่อควบคู่กับการพยายามควบคุมชาติเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 2 ในโลกอย่างจีน
เห็นได้จากภายหลังที่การประชุมผู้นำจี7 ออกแถลงการณ์ประกาศใช้แนวทางใหม่ในการต่อกรกับอิทธิพลทางเศรษฐกิจของจีน ด้วยการลดความเสี่ยง แต่ไม่ตัดขาดจากจีน ปักกิ่งก็ประกาศทันทีว่า ชิปที่ผลิตโดยบริษัทไมครอนเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ไม่ผ่านการตรวจสอบด้านความมั่นคงไซเบอร์ และสั่งห้ามการซื้อชิปของบริษัทรายนี้มาใช้ในบางภาคส่วน
การเคลื่อนไหวของจีนครั้งนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า จีนกำลังโต้กลับสหรัฐฯ อย่างถึงพริกถึงขิง
ข้อมูล : รอยเตอร์ / บลูมเบิร์ก
