ผลสำรวจครั้งใหม่ชี้ชาวจีนบนแผ่นดินใหญ่มีความเห็นแตกต่างหลากหลายกันไปเกี่ยวกับการผนวกไต้หวัน โดย 55% ซึ่งเกินครึ่งหนึ่งเล็กน้อย ที่ต้องการให้รัฐบาลปักกิ่งเปิดฉากทำสงครามรวมเกาะมังกรน้อยให้รู้แล้วรู้รอด
รายงานผลการศึกษาโดยนักวิชาการคือ นายอดัม วาย หลิว แห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ และนายเสี่ยวจวิ้น หลี่ แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์กเซี่ยงไฮ้ ตีพิมพ์ในวารสารจีนร่วมสมัย (Journal of Contemporary China) เมื่อวันจันทร์ (15 พ.ค.) เป็นการสำรวจความเห็นของประชาชน 1,824 คน ทางออนไลน์แบบ online opt-in panel ซึ่งผู้เข้าร่วมต้องลงทะเบียนและให้ข้อมูลส่วนบุคคล ในช่วงปลายปี 2563-ต้นปี 2564
รายงานชิ้นนี้ระบุว่า แม้มีผู้เห็นด้วย 55% ในการทำสงครามเต็มรูปแบบ แต่ในส่วนคำถามอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการโน้มน้าวให้ไต้หวัน ซึ่งถือเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของจีนยินยอมคืนสู่อ้อมอกนั้น ปรากฏว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ให้การสนับสนุน เช่น การริเริ่มใช้ปฏิบัติการทหารอย่างจำกัดบริเวณเขตรอบนอกของไต้หวัน (58%) การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ (57%) การคงสถานะที่เป็นอยู่ในปัจจุบันและค่อยๆ เพิ่มอำนาจทางเศรษฐกิจและการทหารจนนำไปสู่การผนวกในที่สุด (55%)
ด้วยเหตุที่ไต้หวันเป็นเรื่องอ่อนไหวอย่างที่สุด ซึ่งต้องระมัดระวังการวิพากษ์วิจารณ์บนแผ่นดินใหญ่ แต่ยังอุตส่าห์มีผู้ตอบแบบสอบถาม 22% ที่ระบุว่า ไม่รู้สึกขัดข้องอะไรที่จีนกับไต้หวันจะยังคงแยกระบบการเมืองขาดจากกันต่อไป โดยการรวมชาติมิใช่สิ่งจำเป็นในท้ายที่สุด รายงานตั้งข้อสังเกตว่า นี่เท่ากับเป็นการเห็นด้วยกับเอกราชโดยพฤตินัยของไต้หวัน และขัดแย้งกับเรื่องที่บอกเล่ากันอย่างแพร่หลายว่า การนำไต้หวันคืนสู่อ้อมอกจีนเป็นเจตจำนงร่วมกันของประชาชนเกือบทุกคนบนแผ่นดินใหญ่
แม้ผลการสำรวจที่เคยทำกันก่อนหน้าได้สรุปว่า ชาวจีนรุ่นหนุ่มสาวมีความรักชาติและเป็นสายเหยี่ยวมากกว่า แต่ผลสำรวจครั้งนี้พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามสูงวัยกลับมีแนวโน้มพอใจทางเลือกเชิงรุกยิ่งกว่า เช่น การทำสงครามเต็มรูปแบบ หรือการบีบบังคับด้วยกำลังทหาร
“บางทีชาวจีนสูงวัยอาจมีความอดทนน้อยลงในตอนนี้ และต้องการเห็นปัญหาไต้หวันคลี่คลายในช่วงชีวิตของตนเองมากกว่าการรอคอยที่ไม่มีวันสิ้นสุด” ผู้เขียนรายงานระบุ
ผลสำรวจชิ้นนี้เผยแพร่ในช่วงที่สถานการณ์ตึงเครียดในช่องแคบไต้หวันบานปลายเป็นเวทีประลองเชิงระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม นักวิชาการหลิวมองว่า การส่งสัญญาณหลายอย่างจากรัฐบาลปักกิ่งเมื่อไม่นาน ซึ่งรวมทั้งการกล่าวย้ำของนายหวัง ฮู่หนิง บิ๊กอันดับที่ 4 ในพรรคคอมมิวนิสต์ถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบ บ่งชี้ว่า ปักกิ่งกำลังพยายามถอยออกมาจากการใช้ถ้อยคำรุนแรงเกี่ยวกับไต้หวันอย่างที่เคยทำแต่ก่อน
ในมุมมองของนักวิชาการหลิว ปักกิ่งจะไม่รู้สึกถูกกดดันให้ต้องแข็งกร้าวมากขึ้นกับไทเป ตราบใดที่ทางเลือกในการดำเนินนโยบายที่นุ่มนวลกว่ายังเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ในสายตาของประชาชนจีน โดยผลสำรวจครั้งนี้ยังบ่งบอกว่า การใช้กำลังทหารผนวกไต้หวันมิใช่ทางเลือกเดียวของปักกิ่ง ฉะนั้น สหรัฐฯ ไม่ควรสรรค์สร้างนโยบายที่เกี่ยวกับจีนราวกับว่า นาฬิกาแห่งการผนวกไต้หวันกำลังส่งเสียงดังติ๊กๆ ขึ้นแล้วจริงๆ
ข้อมูลจาก “Just over half of mainland Chinese people back full-scale war to take control of Taiwan, poll finds” ในเซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์