โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนจวกสหรัฐฯ ส่งต่อปัญหาความรุนแรงจากอาวุธปืนในประเทศตัวเอง ไปให้ชาติเพื่อนบ้านแถบทะเลแคริบเบียน
ในการประชุมความมั่นคงหมู่ชาติแคริบเบียน (CANSEC) ซึ่งจัดขึ้นที่สาธารณรัฐตรินิแดดและโตเบโกเมื่อเร็วๆ นี้ บรรดาผู้นำชาติประชาคมแคริบเบียน (CARICOM) ได้บรรลุฉันทมติสั่งแบนอาวุธปืนจู่โจม เพื่อลดปัญหาความรุนแรงจากอาวุธปืนและปัญหาการลักลอบนำเข้ามาภายในภูมิภาคแคริบเบียน พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ดำเนินมาตรการป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสกัดกั้นอาวุธปืนที่ไหลบ่าจากสหรัฐฯ เข้ามายังภูมิภาคนี้
ตามการแถลงของนายหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนเมื่อวันอังคาร (16 พ.ค.) ผู้นำจากชาติเหล่านี้ได้กล่าวระหว่างการประชุม CANSEC ว่า การเข้าถึงอาวุธทางทหารประสิทธิภาพสูงมีส่วนทำให้แก๊งมิจฉาชีพในภูมิภาคเหิมเกริม
นายหวัง ระบุว่า อาวุธซึ่งลักลอบขนมาจากสหรัฐฯ เป็นหลักคือเครื่องบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า ปัญหาความรุนแรงจากอาวุธปืนนอกจากเป็นโรคระบาดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องภายในประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเป็นชาติที่มีพลเมืองครอบครองอาวุธปืนมากที่สุดแล้ว สหรัฐฯ ยังแพร่โรคติดต่อนี้ไปทำให้ความปลอดภัยในสังคมของชาติเพื่อนบ้านเสื่อมโทรมอีกด้วย
นายหวัง ยังอ้างอิงข้อมูลขององค์การตำรวจสากล (Interpol) ซึ่งระบุว่า เหตุฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในแถบแคริบเบียนกว่าร้อยละ 70 เป็นการใช้อาวุธปืน และเมื่อดูจากสถิติของสำนักงานเหล้าบุหรี่อาวุธปืนและระเบิด (ATF) ของสหรัฐฯ จะพบว่า ราวร้อยละ 80 ของอาวุธปืนในการก่อคดีอาญาในแถบแคริบเบียนล้วนมาจากสหรัฐฯ นอกจากนั้น ข้อมูลของทางการบาฮามาสยังระบุด้วยว่า อาวุธปืนที่ถูกยึดได้ในประเทศกว่าร้อยละ 90 สามารถย้อนรอยเส้นทางได้ว่ามาจากสหรัฐฯ เช่นกัน
ข้อเท็จจริงดังกล่าวมานี้เป็นสิ่งบ่งชี้ชัดเจนว่า สหรัฐฯ มิได้เป็นแค่แหล่งค้าอาวุธปืนผิดกฎหมาย แต่ยังเป็นรากเหง้าของสาเหตุความเสื่อมโทรมด้านความปลอดภัยในสังคมของชาติแถบแคริบเบียนอีกด้วย ทว่าสหรัฐฯ กลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับเรื่องนี้ และนี่คืออีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการใช้ 2 มาตรฐานของสหรัฐฯ โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนกล่าว
ที่มา : โกลบอลไทมส์