ผลการศึกษาของ “อลิอันซ์เทรด” (Allianz Trade) จี้อียูเร่งหามาตรการรับมือรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (อีวี) จากจีน โดยระบุว่า เป็นภัยเสี่ยงใหญ่หลวงที่สุดสำหรับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ของยุโรป
“อลิอันซ์เทรด” ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของ “อลิอันซ์” บริษัทประกันภัยสัญชาติเยอรมัน เผยแพร่รายงานผลการศึกษาชื่อว่า “ความท้าทายของจีนต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ยุโรป” (The Chinese challenge to the European automotive industry) เมื่อวันอังคาร (9 พ.ค.) ระบุว่า สหภาพยุโรป (อียู) จำเป็นต้องรับมือกับการท้าทายนี้ด้วยการจัดเก็บภาษีภายใต้หลักการต่างตอบแทนสำหรับรถยนต์นำเข้าจากจีน มีการพัฒนาวัสดุและเทคโนโลยีสำหรับการผลิตแบตเตอรี่รถอีวีมากขึ้น รวมทั้งการอนุญาตให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ของจีนเข้ามาผลิตรถยนต์ในยุโรป
การประกาศกลับเข้ามาในแดนมังกรของค่ายผลิตรถยนต์ระดับโลกทำให้เกิดแรงกดดันการหั่นราคาในตลาดจีน และการส่งออกรถไปยุโรป บริษัทรถยนต์ของยุโรปจึงกำลังเจอศึก 2 ด้าน ทั้งจากปัญหายอดขายในจีนมีโอกาสตกลง เนื่องจากผู้ผลิตรถอีวีท้องถิ่นแย่งส่วนแบ่งตลาด และจากปัญหารถอีวีนำเข้าจากจีน และชาติตะวันตกอื่นๆ มียอดขายเพิ่มขึ้น
“อลิอันซ์เทรด” ระบุว่า หากไม่มีมาตรการรับมืออาจทำให้อียูจะต้องจ่ายเงินกว่า 24,000 ล้านยูโร หรือ 0.15% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของอียูในปี 2573 สำหรับรถอีวีนำเข้าจากจีน แต่เศรษฐกิจของเยอรมนี สโลวะเกีย และสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งล้วนพึ่งพาอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นหลัก อาจจ่ายเงินมากกว่านั้นราว 0.3-0.4 %ของจีดีพี ทั้งหมดนี้ย่อมหมายถึงการสูญเสียผลกำไรของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ของยุโรปมากถึงปีละ 7,000 ล้านยูโร
ยุโรปเป็นแหล่งใหญ่สำหรับรถยนต์ส่งออกจากชาติต่างๆ โดย 4 ใน 5 ของรถที่ขายกันในยุโรปมีการประกอบชิ้นส่วนในท้องถิ่น การค้ารถยนต์ทำให้เศรษฐกิจยุโรปเกินดุลการค้าแต่ละปีระหว่าง 70,000-110,000 ล้านยูโร ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
รายงานฉบับนี้ระบุด้วยว่า กฎหมายลดอัตราเงินเฟ้อ (ไออาร์เอ) ของสหรัฐฯ ทำให้ยุโรปกลายเป็นเป้าหมายสำหรับสินค้าส่งออกจากจีน เพราะจีนเจาะเข้าตลาดสหรัฐฯ ได้ยากขึ้น ในขณะที่ตลาดยุโรปยังคงเปิดกว้างสำหรับรถอีวีนำเข้า เช่น เทสลา ซึ่งมีสัดส่วนยอดขายรถยนต์อีวีมากถึง 20% ในตลาดยุโรป
ที่มา : รอยเตอร์