หลังจากนายฉิน กัง เอกอัครราชทูตประจำสหรัฐฯ เดินทางมารับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศจีน รัฐบาลปักกิ่งก็ยังมิได้ส่งเอกอัครราชทูตคนใหม่ไปแทนอีกเลย
ตำแหน่งดังกล่าวว่างลงมากว่า 3 เดือน นานที่สุดในรอบ 44 ปี นับตั้งแต่ชาติทั้งสองสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันในปี 2522 สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ซึ่งเดินมาถึงจุดห่อเหี่ยวสิ้นหวัง
ผู้เชี่ยวชาญทางการทูตระบุว่า การแต่งตั้งเอกอัครราชทูตคนใหม่ของจีนเป็นกระบวนการที่ไม่มีปัญหา แตกต่างจากสหรัฐฯ ซึ่งต้องผ่านขั้นตอนการเห็นชอบจากรัฐสภา
ในมุมมองของนักวิเคราะห์อีกหลายคน รวมทั้งนายชาร์ล ฟรีแมน ที่ปรึกษาประจำศูนย์เพื่อการศึกษาด้านยุทธศาสตร์และนานาชาติ (Centre for Strategic and International Studies) ผู้เคยทำหน้าที่ล่ามให้ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ในคราวเยือนกรุงปักกิ่งครั้งประวัติศาสตร์เมื่อปี 2515 นั้น การว่างตำแหน่งนานจนผิดสังเกตแสดงให้เห็นว่า จีนยังอ่านเกมไม่ขาดเกี่ยวกับท่าทีของสหรัฐฯ และกำลังมีการประเมินด้านยุทธศาสตร์ยุทธวิธีกันอย่างเคร่งเครียดว่า จะดำเนินความสัมพันธ์กับอีกฝ่ายอย่างไรดี
รวมทั้งการกำหนดบทบาทของเอกอัครราชทูตคนใหม่จากแดนมังกรในท่ามกลางปัญหาความขัดแย้งที่กำลังทวีความตึงเครียดกับสหรัฐฯ ในหลายด้าน เช่น ความขัดแย้งด้านการค้า การแข่งขันทางเทคโนโลยี ข้อกล่าวหาจีนส่งบอลลูนสอดแนมเข้ามาในสหรัฐฯ ความเห็นต่างเกี่ยวกับสงครามในยูเครน หรือการที่สหรัฐฯ เข้ามาแทรกแซงกิจการในไต้หวัน ซึ่งเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของจีน
นายจื้อฉวิน จู อาจารย์ของมหาวิทยาลัยบักเนลล์ ให้ความเห็นว่า จีนยังไม่ส่งใครไป โดยให้อุปทูตทำหน้าที่รักษาการไปพลางๆ นั้น เป็นเพราะจีนต้องการแสดงความไม่พอใจการปฏิบัติของชาติเจ้าบ้านต่อเอกอัครราชทูตคนก่อน และต้องการให้ปฏิบัติกับคนใหม่อย่างดี
มีการคาดหมายกันว่า เอกอัครราชทูตประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. คนต่อไปคือ นายสี เฟิ่ง นักการทูตผู้ช่ำชองและเป็นที่นับถือ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รมช.ต่างประเทศและรับผิดชอบงานด้านความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีรายงานว่า นายฉิน เอกอัครราชทูตคนก่อนถูกทำเนียบขาวจำกัดการเข้าพบปะหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาล ภารกิจส่วนใหญ่ของเขาจึงเป็นการตัดริบบิ้นเปิดงาน และการพบปะกับผู้นำระดับท้องถิ่น ด้วยเหตุนี้เอง นายนิโคลัส เบิร์น เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงปักกิ่งจึงถูกจีนปฏิบัติตอบแบบเดียวกับที่นายฉิน เจอมา การได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศจึงทำให้หลายคนในทำเนียบขาวประหลาดใจ และบางคนรู้สึกเสียใจที่พลาดโอกาสพบปะกับท่านทูตฉิน
การว่างตำแหน่งเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ที่กินเวลานานครั้งสุดท้ายเกิดขึ้น เมื่อจีนเรียกนายหลี่ เต้าอี้ว์ กลับประเทศในเดือน มิ.ย.2538 เพื่อตอบโต้ที่รัฐบาลวอชิงตันอนุญาตให้ประธานาธิบดี ลีเต็งฮุย แห่งไต้หวันมาเยือนสหรัฐฯ โดยจีนปล่อยให้ตำแหน่งว่างอยู่นาน 2 เดือน
ข้อมูลจาก “China's longest US ambassador vacancy provides latest sign of bleak relations” ในเซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์