นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์เดินทางมาเยือนจีนนาน 6 วัน นักวิเคราะห์มองการเยือนแดนมังกรครั้งนี้ว่า เท่ากับเป็นการเน้นย้ำให้เห็นถึงมิตรภาพระหว่างชาติทั้งสอง และความสำคัญของจีนในแง่เศรษฐกิจที่สิงคโปร์ไม่อาจละทิ้งได้
นายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง จะเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการในระหว่างวันที่ 27 มี.ค.-1 เม.ย. จากการแถลงของสำนักนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์เมื่อวันอาทิตย์ (26 มี.ค.) โดยมีรัฐมนตรีต่างประเทศ รัฐมนตรีการค้า และรัฐมนตรีสาธารณสุขร่วมในคณะการเดินทางด้วย
นายกรัฐมนตรีลี นับเป็นผู้นำต่างชาติอีกคนหนึ่งซึ่งมาเยือนจีนบ่อยครั้ง โดยครั้งสุดท้ายคือเมื่อเดือน เม.ย. ปี 2562 เพื่อเข้าร่วมการประชุมฟอรั่มสายแถบและเส้นทางครั้งที่ 2 (the second Belt and Road Forum) ในกรุงปักกิ่ง สำหรับการเยือนครั้งล่าสุดนี้จะเป็นการเยือนจีนครั้งแรก หลังจากจีนเสร็จสิ้นกระบวนการแต่งตั้งคณะผู้บริหารประเทศสูงสุดชุดใหม่ในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 เมื่อเดือน ต.ค.2565 และการประชุมประจำปีสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติเมื่อเดือน มี.ค.2566 หรือที่รู้จักกันว่า การประชุมสองสภา
นักวิเคราะห์ระบุว่า การมาเยือนครั้งล่าสุดของนายกรัฐมนตรีลี นี้จะยิ่งเป็นการกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือทวิภาคีไปสู่ระดับใหม่ อีกทั้งมองว่าเป็นการออกโรงของนายกรัฐมนตรีลี เพื่อแสดงบทบาทให้ชาติอื่นๆ ดูเป็นตัวอย่างที่สมควรทำตาม
นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์จะไปเยือนเมืองกว่างโจว ในมณฑลกว่างตง ทางภาคใต้ เพื่อเข้าร่วมการประชุมฟอรั่มเอเชียโป๋อ้าวประจำปี และกล่าวสุนทรพจน์ นอกจากนั้น จะเข้าพบหารือกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง และนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง อีกด้วย
นายหลี่ ไห่ตง อาจารย์ประจำสถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของมหาวิทยาลัยการต่างประเทศจีนระบุกับโกลบอลไทมส์ว่า การเยือนจีนอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรลี เป็นการส่งสารอย่างหนักแน่นว่า ชาติอาเซียน ซึ่งรวมทั้งสิงคโปร์มีความสนใจอย่างยิ่งที่จะกระชับความร่วมมือกับจีนในด้านต่างๆ และมีการยอมรับเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันว่า จีนคือเครื่องยนต์ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค
ด้านนายกรัฐมนตรีลี ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี ของจีนเมื่อวันศุกร์ (24 มี.ค.) ว่า จีนและสิงคโปร์มีความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ดีต่อกันอย่างมาก โดยชาติทั้งสองสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันในปี 2533 ทว่าในความเป็นจริงแล้ว ความร่วมมือระหว่างกันมีมานานก่อนหน้าการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตด้วยซ้ำ
นายกรัฐมนตรี ลี ระบุต่อไปว่า ด้วยเหตุนี้ จีนและสิงคโปร์จึงมีความเข้าใจและความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ถึงแม้ความคิดเห็นจะแตกต่างกัน แต่เราสามารถทำงานร่วมกัน และผลักดันให้เกิดการดำเนินโครงการต่างๆ ขึ้นมาได้สำเร็จหลายโครงการ เช่น นิคมอุตสาหกรรมซูโจว นอกจากนั้น ยังมีโครงการระหว่างภาคเอกชนที่อาจเริ่มดำเนินการอีกหลายโครงการ
นายกรัฐมนตรีลี ระบุว่า สิงคโปร์ได้แสดงเจตจำนงอันแรงกล้าในการไขว่คว้าโอกาสสำหรับการพัฒนาใหม่ๆ การขยายและการขับเคลื่อนการบูรณาการทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคด้วยการทำงานร่วมกับจีน พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่า จีนพอใจที่สิงคโปร์และอาเซียนมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมสันติภาพและระเบียบทางเศรษฐกิจในภูมิภาค อีกทั้งจีนมีเจตนาดีในการสร้างประชาคมระดับภูมิภาค ที่แบ่งปันอนาคตร่วมกับสิงคโปร์และชาติอาเซียนอื่นๆ โดยจีนและสิงคโปร์ยังมีสิ่งที่ต้องทำร่วมกันอีกมายมาย เช่น การทำข้อตกลงการค้าเสรีทวิภาคี ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาทบทวนร่วมกันในขณะนี้
ที่มา : โกลบอลไทมส์ / เดอะสเตรตไทมส์