กระทรวงต่างประเทศแดนมังกร เผยแพร่รายงานตีแผ่ความตกต่ำของประชาธิปไตยแบบอเมริกา และความปั่นป่วนวุ่นวายที่สหรัฐฯ นำมาสู่โลกภายใต้หน้ากากประชาธิปไตยจอมปลอม
“สถานการณ์ประชาธิปไตยในสหรัฐฯ : 2022” (The State of Democracy in the United States : 2022) เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (20 มี.ค.) ซึ่งครบ 20 ปีเต็ม ที่สหรัฐฯ นำชาติพันธมิตรรุกรานอิรัก นักวิเคราะห์มองรายงานฉบับนี้ว่า เป็นการตบหน้าสหรัฐฯ ฉาดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน เตรียมจัดการประชุมสุดยอดว่าด้วยประชาธิปไตยครั้งที่ 2 ในระหว่างวันที่ 29-30 มี.ค.นี้
รายงานมีทั้งหมด 4 ตอน จากการรวบรวมข้อมูลมากมาย ซึ่งมีทั้งข้อเท็จจริง การวิพาษ์วิจารณ์ของสื่อมวลชน และความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ โดยเมื่อนำมาประมวลเข้าด้วยกันจะให้ภาพความเป็นจริงของประชาธิปไตยในสหรัฐฯ ช่วงปี 2565 อย่างสมบูรณ์ ซึ่งไม่เพียงแต่จะเปิดโปงความวุ่นวายโกลาหลของประชาธิปไตยในบ้านสหรัฐฯ เองแล้ว ยังทำให้เห็นความปั่นป่วนและความหายนะจากการเร่ขายและการกะเกณฑ์ให้ทั่วโลกต้องมีประชาธิปไตยแบบอเมริกาอีกด้วย
รายงานได้ขุดคุ้ยปัญหาไม่ว่าจะเป็นวิกฤตระดับสถาบันองค์กรในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายระบอบประชาธิปไตยของเมกา รายงานได้ตีแผ่การเมืองสหรัฐฯ ที่ใช้เงินหว่าน และ “เสรีภาพในการพูด” ซึ่งเป็นเรื่องแต่ในนาม ตลอดจนระบบยุติธรรมที่ไม่ฟังเสียงชาวบ้าน และความท้อแท้สิ้นหวังที่นับวันจะเพิ่มมากขึ้นในหมู่อเมริกันชน
รายงานตั้งข้อสังเกตด้วยว่า แม้เหตุการณ์ผู้ประท้วงบุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค.2564 ผ่าน 2 ปี แต่การเรียนรู้บทเรียนยังทำได้ยากลำบากภายใต้ระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐฯ เหตุจลาจลคราวนั้นยังแสดงให้เห็นชัดเจนถึงความแตกแยกในสังคมอเมริกัน การแบ่งขั้วทางการเมือง ที่ทวีความรุนแรง และการแพร่ระบาดของข้อมูลข่าวสารเท็จ ประชาธิปไตยของสหรัฐฯ อยู่ในภาวะเลวร้ายกว่าเดิมที่เคยเห็นมา
นายหลี่ว์ เซียง นักวิจัยของสถาบันสังคมศาสตร์จีนมองรายงานฉบับนี้ว่า เป็นมาตรการตอบโต้การทำสงครามการเมือง ที่นับวันจะรุนแรงของสหรัฐฯ และเป็นเครื่องเตือนใจสำหรับอีกหลายชาติว่า ประชาธิปไตยแบบอเมริกามิใช่โมเดลต้นแบบสำหรับโลก แต่ทุกชาติควรเลือกเส้นทางของตนเอง โดยนายหลี่ว์ ระบุว่า หลังจากประธานาธิบดีไบเดน เข้ารับตำแหน่งก็พยายามฟื้นฟูบทบาทของสหรัฐฯในฐานะผู้นำด้านประชาธิปไตย พร้อมกับใช้ประชาธิปไตยเป็นอาวุธเล่นงานชาติเศรษฐกิจเกิดใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน
นายจู่ อิง อาจารย์ของมหาวิทยาลัยรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์แห่งตะวันตกเฉียงใต้ (Southwest University of Political Science and Law) ระบุว่า ทุกวันนี้ชาวอเมริกันกำลังได้รับความเดือดร้อนจากนานาปัญหา เช่น การเผชิญหน้ากันของผู้คนในสังคม การเหยียดเชื้อชาติ ซึ่งเกิดขึ้นทั่วทั้งระบบ ช่องว่างความรวยความยากจนที่ถ่างกว้าง ความเสี่ยงทางการเงิน ที่เพิ่มขึ้น แต่นักการเมืองมัวแต่ต่อสู้กันจนแทบไม่มีเวลาแก้ไขปัญหาให้ประชาชน
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมสุดยอดว่าด้วยประชาธิปไตยครั้งแรก ที่จัดขึ้นเมื่อปี 2564 ประธานาธิบดีไบเดน ไม่ตอบคำถามที่ว่า “ประชาธิปไตยแบบอเมริกาเป็นประชาธิปไตยที่ดีแบบเดียวหรือไม่ อีกทั้งไม่แตะประเด็นความเสื่อมถอยของประชาธิปไตยแบบอเมริกา และผลไม้ปีศาจ ที่ประชาธิปไตยแบบอเมริกาสร้างขึ้นมา
นักวิเคราะห์ของจีนมองว่า แทนที่จะพิจารณาไตร่ตรองจุดบกพร่องของประชาธิปไตยแบบอเมริกา สหรัฐฯ กลับส่งออกค่านิยมประชาธิปไตยแบบตัวเองไปให้แก่ชาติอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง
การออกรายงานในวันเดียวกับที่สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรเปิดปฏิบัติการโจมตีอิรักเมื่อ 20 ปีก่อน ด้วยข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จว่า รัฐบาลประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซนครอบครองอาวุธทำลายล้างสูง จนทำให้ผู้คนล้มตายมากมายในภูมิภาคตะวันออกกลาง จึงเป็นการเน้นให้เห็นเด่นชัดถึงความปั่นป่วนวุ่นวายและโศกนาฏกรรม ที่สหรัฐฯ มอบแก่ชาวโลก
นายจู่ ระบุว่า ประชาธิปไตยที่สหรัฐฯ กำหนดให้ผู้อื่นเดินตามมิใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริง แต่เป็นประชาธิปไตยเพื่อความเป็นเจ้าโลก
“เลือดที่หลั่งนองในอิรัก ซีเรีย และอีกหลายประเทศสอนให้ชาติทั่วโลกต้องมีความระแวดระวังมากขึ้นเมื่อสหรัฐฯ เคาะประตูบ้าน พร้อมกับถือธงแห่งประชาธิปไตยมาด้วย” เขาเตือน
ข้อมูลจาก“China releases report that
removes facade of American democracy”ในโกลบอลไทมส์