xs
xsm
sm
md
lg

ส่องรายงานของนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง จีนมุ่งดึงดูดนักลงทุนต่างชาติช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


การถ่ายทอดสดบนทีวีจอยักษ์ในกรุงปักกิ่ง นายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง กำลังแถลงในพิธีเปิดการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ เมื่อวันอาทิตย์ (5 มี.ค.) - ภาพ : เอพี
เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ - นักวิเคราะห์คาด จีนหวังอาศัยการลงทุนจากต่างชาติเป็นตัวขับเคลื่อนการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และช่วยหลีกเลี่ยงไม่ให้จีนถูกตัดขาดจากห่วงโซ่การค้าในโลก

นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีน แถลงรายงานการปฏิบัติงานของรัฐบาลในพิธีเปิดการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ เมื่อวันอาทิตย์ (5 มี.ค.) ซึ่งเป็นการแถลงครั้งสุดท้าย ก่อนพ้นวาระการดำรงตำแหน่ง โดยประกาศว่า จีนจะดำเนินความพยายามให้มากยิ่งขึ้นเพื่อดึงดูดความสนใจและใช้เงินทุนจากต่างชาติ ด้วยการขยายการเปิดตลาดและโอกาสช่องทางการเข้ามาสำหรับนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคบริการสมัยใหม่ (modern service sector)


ในมุมมองของนายจาง จื่อเหว่ย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ “พินพอยต์ แอสเซต แมเนจเมนต์” (Pinpoint Asset Management) นั้น  รายงานดังกล่าวเป็นการส่งสารชัดเจนว่า การส่งเสริมความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติและการทำให้มีการลงทุนจากต่างชาติเข้ามาอย่างมั่นคงจะเป็นภารกิจสำคัญของรัฐบาลจีนชุดใหม่ในปีนี้ โดยนายหลี่ เฉียง ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่น่าจะมีนโยบายสอดคล้องกัน นอกจากนั้น การกำหนดแนวทางของนายหลี่ เค่อเฉียง ที่ “ให้อำนวยความสะดวกแก่การดำเนินโครงการสำคัญๆ ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากต่างชาติ” ยังทำให้นึกถึงการเปิดโรงงานกิกะแฟกทอรี (Gigafactory) ของบริษัทเทสลา ในนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นความสำเร็จชิ้นสำคัญอันหนึ่งของนายหลี่ เฉียง สมัยดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์สาขาเซี่ยงไฮ้

นายติง ซวง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ด้านจีน ของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ระบุว่า เมื่อรัฐบาลจีนงดเว้นไม่พูดถึงในรายงานเรื่องการเสนอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวนมหาศาล เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ดังนั้น การลงทุนภาคเอกชนและการลงทุนจากต่างชาติจึงเป็นแหล่งทรัพยากรใหญ่ที่จะสนับสนุนเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน นอกจากนั้น การดึงดูดการลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสหรัฐฯ และยุโรป ยังอาจช่วยลดกระแสการไม่พึ่งพิงและการตัดขาดเศรษฐกิจจากจีน ที่สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรกำลังดำเนินความพยายามอยู่ในขณะนี้ได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม การพื้นฟูความรู้สึกของนักธุรกิจในแง่บวกไม่สามารถทำได้ภายในเวลาชั่วข้ามคืน
 
ทั้งนี้ จากผลสำรวจโดยหอการค้าอเมริกันในจีนเมื่อสัปดาห์ก่อนพบว่า จีนตกจากอันดับ 3 ชาติแรกที่บริษัทต่างชาติอยากไปลงทุนมากที่สุด ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปีเลยทีเดียว

 
ในรายงานของนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียงยังระบุด้วยว่า จีนควรเปิดกว้างด้านระเบียบกฎเกณฑ์ มาตรฐาน และการบริหารจัดการต่างๆ ซึ่งนักวิเคราะห์ชี้ว่า เป็นการส่งสัญญาณว่า เหล่าผู้บริหารสูงสุดยังคงต้องการให้จีนเข้าร่วมในความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Comprehensive and Progressive Agreement for Trans-Pacific Partnership - ซีพีทีพีพี) หลังจากจีนได้ยื่นขอสมัครเข้าร่วมเมื่อเดือน ก.ย. ปี 2564 แต่ปัจจุบันยังติดอุปสรรคที่ชาติสมาชิกไม่แน่ใจว่า จีนจะสามารถปฏิรูปเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับการเข้าเป็นสมาชิกในความตกลงการค้าเสรีนี้ได้หรือไม่ เช่น การแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่มีจำนวนมาก หรือการเปิดเสรีการส่งข้อมูลข้ามพรมแดน โดยจีนกำลังถูกแรงกดดันจากภายนอกและความซับซ้อนยุ่งยากด้านภูมิรัฐศาสตร์ กีดกันไม่ให้เข้าร่วมซีพีทีพีพี การเอ่ยถึงซีพีทีพีพีในรายงาน ยังเป็นการส่งสัญญาณในเชิงบวกว่า จีนต้องการเปิดกว้างทางเศรษฐกิจมากขึ้น
 
นอกจากนั้น รายงานฉบับนี้นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ได้กล่าวยกย่องความก้าวหน้าของโครงการริเริ่มสายแถบและเส้นทาง หรือเบลต์แอนด์โรด ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาว่า ช่วยเพิ่มการนำเข้าและการส่งออกระหว่างจีนกับชาติที่เข้าร่วมโครงการในอัตราปีละ 13.4%

ขณะที่คณะกรรมการด้านการพัฒนาและการปฏิรูปแห่งชาติแถลงรายงานอีกฉบับระบุว่า การส่งเสริมการพัฒนาที่เน้นคุณภาพในระดับสูงสำหรับโครงการต่างๆ ของเบลต์แอนด์โรด จะเป็นภารกิจใหญ่อันหนึ่งในปี 2566 สำหรับผู้กำหนดนโยบายเศรษฐกิจของจีน

 
นักวิเคราะห์ระบุว่า การหยิบยกเรื่องซีพีทีพีพี และเบลต์แอนด์โรดมากล่าวในรายงาน บ่งชี้ว่า เรื่องทั้งสองเป็นตัวขับเคลื่อนหนึ่งในแผนส่งเสริมและสร้างเสถียรภาพของเศรษฐกิจจีน 

อย่างไรก็ตาม นายเหอ เว่ยเหวิน อดีตที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและการค้าประจำสถานกงสุลจีนในนิวยอร์กและซานฟรานซิสโกมองว่า เพียงแค่การเน้นย้ำเรื่องทั้งสองในรายงานก็มิได้หมายความว่า จีนกำลังมุ่งมั่นปรับปรุงแก้ไขความสัมพันธ์ชาติคู่ค้ารายใหญ่อื่นๆ ไม่  โดยการค้าของจีนในภาพใหญ่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ระบุในรายงานว่า ปริมาณการค้าของจีนในปี2565 สูงกว่าที่คาดการณ์ และจีนควรอาศัยการนำเข้าและการส่งออกเป็นปัจจับขับเคลื่อนเศรษฐกิจเติบโตในปีนี้ด้วย
 
สำหรับการตั้งเป้าหมายการเติบโตของจีดีพีอยู่ที่ราว 5% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์กันนั้น นักวิเคราะห์ระบุว่า เนื่องจากปักกิ่งตระหนักถึงความอ่อนแอของตลาดต่างประเทศ ซึ่งจะท้าทายอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกของจีนได้ แต่เมื่อมีการพูดถึงการส่งออกในรายงานก็ย่อมแสดงว่า รัฐบาลจีนจะพยายามลดผลกระทบต่อภาคการส่งออกให้น้อยที่สุดนั่นเอง



กำลังโหลดความคิดเห็น