โกลบอลไทมส์ - จีนยังไม่พบการแพร่ระบาดของเชื้อโอมิครอน CH.1.1 บนแผ่นดินใหญ่ และคาดว่า เชื้อตัวนี้ไม่น่าจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างภายในประเทศได้ในระยะเวลาอันสั้น
ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งมีการกลายพันธุ์และการแตกลูกหลานเป็นสายพันธุ์ย่อยมากมาย จนทำให้เกิดความวิตกกันว่า ขณะนี้สายพันธุ์โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย CH.1.1 อาจเข้ามาแพร่ระบาดในจีนแล้วนั้น
ด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค หรือซีดีซีของจีน ได้แถลงทางวีแชตเมื่อคืนวันอังคาร (31 ม.ค.) ว่า มีการรายงานพบผู้ติดเชื้อ CH.1.1 บนแผ่นดินใหญ่คนแรกในเมืองเทียนจินทางภาคเหนือ เมื่อวันที่ 13 พ.ย.2565 จากการถอดรหัสพันธุกรรมตัวอย่างเชื้อที่เก็บเมื่อวันที่ 10 พ.ย.2565 จากผู้ติดเชื้อคนหนึ่งที่เดินทางมาจากประเทศไทย
จนถึงวันที่ 30 ม.ค.2566 จีนพบผู้ติดเชื้อ CH.1.1 และสายพันธุ์ลูกหลานแยกย่อยของมันทั้งหมด 24 คน ซึ่งเดินทางมาจาก 15 ประเทศและดินแดน
อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบการติดเชื้อ CH.1.1 และสายพันธุ์ลูกหลานของมันในผู้คนท้องถิ่นบนแผ่นดินใหญ่จนถึงขณะนี้
นอกจากนั้น ซีดีซีจีนยังระบุว่า เชื้อ CH.1.1 มีข้อได้เปรียบในการแพร่เชื้อและหลบหลีกระบบภูมิคุ้มกัน แต่จะไม่แพร่ระบาดกระจายเป็นวงกว้างภายในระยะเวลาอันสั้นได้บนแผ่นดินใหญ่ เนื่องจากประชากรจีนส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานอยู่ในระดับสูงแล้ว อย่างไรก็ตาม ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้มีอายุตั้งแต่ 65 ปี ผู้มีโรคประจำตัว ผู้ไม่เคยรับวัคซีน และผู้ไม่เคยติดเชื้อโควิด-19 ยังจำเป็นต้องเพิ่มความระมัดระวัง
ซีดีซีจีนระบุว่า CH.1.1 เป็นสายพันธุ์ย่อยรุ่นที่ 6 ของโอมิครอน BA.2.75. โดยจากผลวิจัยล่าสุด พบความสามารถในการหลบหลีกระบบภูมิคุ้มกันได้มากขึ้น เนื่องจากมีการกลายพันธุ์ชนิด L452R ปรากฏอยู่ด้วย ซึ่งเป็นลักษณะการกลายพันธุ์ของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซีดีซีจีนตั้งข้อสังเกตว่า การกลายพันธุ์ชนิด L452R ยังปรากฏในสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอนอีกหลายตัว เช่น BA.5.3 and BA.5.1.3.
นับตั้งแต่เดือน พ.ย.2565 จนถึงสิ้นเดือน ม.ค.2566 เชื้อ CH.1.1 ครองสัดส่วนการแพร่ระบาดในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 5 รองจากสายพันธุ์ XBB.1.5, BQ.1.1, BQ.1 และ XBB
จากข้อมูลของโครงการริเริ่มการแบ่งปันฐานข้อมูลเชื้อไข้หวัดใหญ่ทั่วโลก (Global Initiative on Sharing All Influenza Data - GISAID) พบ CH.1.1 ครั้งแรกในอินเดียเมื่อวันที่ 8 ก.ค.2565 มันครองสัดส่วนการแพร่ระบาดกว่าร้อยละ 6 ในโลกใน 67 ประเทศและดินแดนเมื่อเดือนที่แล้ว โดยมีการแพร่ระบาดมากที่สุดในหลายประเทศ รวมทั้งอังกฤษ เดนมาร์ก และสิงคโปร์