xs
xsm
sm
md
lg

นายใหญ่เพนตากอนเยือนเอเชีย ซ่อนมีดบินเล็งเชือดจีน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวต่อที่ประชุมสุดยอดด้านความมั่นคงแชงกรีลา-ไดอะล็อกซัมมิต ที่สิงคโปร์ เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.2565 - ภาพเอพี
โกลบอลไทมส์ - สหรัฐฯ ส่งนายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมเยือนเกาหลีใต้และฟิลิปปินส์ แม้อ้างเหตุผลเพื่อเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนด้านการป้องกัน แต่ปกปิดยุทธศาสตร์ที่แท้จริงไม่มิด
 
นายออสติน ออกเดินทางเมื่อวันอาทิตย์ (29 ม.ค.) เพนตากอนแถลงว่า เขาจะพบหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลและผู้นำทางทหาร เพื่อยกระดับเสถียรภาพในภูมิภาค และเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนด้านการป้องกัน ภายใต้วิสัยทัศน์การปกป้อง “อินโด-แปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง” ร่วมกัน
 
ตามรายงานของสื่อคาดว่า นายออสตินอาจหยิบยกประเด็นเกาหลีเหนือ และการสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครนขึ้นมาหารือ โดยย้ำคำมั่นสัญญาว่าจะปกป้องเกาหลีใต้ ส่วนฟิลิปปินส์ นายออสติน อาจหารือกับประธานาธิบดี เฟอร์ดินันด์ โรมูอัลเดซ มาร์กอส จูเนียร์ เกี่ยวกับความร่วมมือด้านการทหาร

 
นายจู เฝิง อาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ประจำมหาวิทยาลัยหนานจิง มองการมาเยือนครั้งนี้ว่า เป็นการพยายามรวบรวมพันธมิตรทางทหารครั้งล่าสุดของสหรัฐฯ เพื่อต่อกรกับจีนในย่านแปซิฟิกตะวันตก และจะหารือเรื่องอะไรกันก็ตาม แต่สหรัฐฯ มีจีนเป็นเป้าหมายเสมอ นายจู เชื่อว่า สหรัฐฯ จะตั้งฐานทัพ มีการนำเรือรบจอดเทียบท่า และวางงานด้านข่าวกรอง รวมทั้งการซ้อมรบภายใต้การนำของสหรัฐฯ ในแปซิฟิกตะวันตกมากขึ้นในอนาคต
 
ด้านนายหลี่ ไห่ตง อาจารย์ประจำสถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แห่งมหาวิทยาลัยการต่างประเทศจีน มีความเห็นว่า ชาติพันธมิตร เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์เป็นแค่เบี้ยพลม้าตัวหนึ่งบนกระดานหมากรุก ซึ่งสหรัฐฯ ใช้เป็นกองหน้าไว้ชนกับจีนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก จากนั้นสหรัฐฯ จึงค่อยเข้าร่วมภายหลัง ส่วนเบี้ยเมื่อใช้ประโยชน์เสร็จแล้วก็ทิ้ง เรียกได้ว่า เป็นยุทธศาสตร์ต่อกรจีนในแบบที่สหรัฐฯ ไม่เปลืองตัว
 
นายหลี่ ยังตั้งข้อสังเกตว่า การมาของนายออสติน เป็นการเยือนคู่ขนานกับนายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้ ซึ่งกำหนดเยือนเกาหลีใต้และญี่ปุ่นระหว่างวันที่ 29 ม.ค.-1 ก.พ.พอดี เขามองว่า สหรัฐฯ ไม่เพียงให้ชาติพันธมิตรทำตามคำบงการของตนเองในเรื่องสำคัญต่างๆ แต่ยังกำกับบทให้กระชับความสัมพันธ์กับชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ ในยุโรป เพื่อให้การขยายบทบาทของนาโต้ ซึ่งมีสหรัฐฯ เป็นหัวเรือใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกก้าวรุดหน้าอีกด้วย ชาติในภูมิภาคจึงควรระวังแผนการสร้างสันติภาพและเสถียรภาพของสหรัฐฯ ซึ่งเบนเป้าหมายทางยุทธศาสตร์มาภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เพราะน่าจะนำไปสู่ความขัดแย้ง และสงครามเสียมากกว่า

ประธานาธิบดี เฟอร์ดินันด์ โรมูอัลเดซ มาร์กอส จูเนียร์ และนางลูอีซ มาร์กอส ถ่ายรูปคู่กับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง และนางเผิง ลี่หยวน ภรรยา ระหว่างเยือนกรุงปักกิ่งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 4 ม.ค.2566 - ภาพซินหัว
ก่อนหน้าการเยือนของนายออสติน ฟิลิปปินส์ และสหรัฐฯ ได้มีการหารือเกี่ยวกับการลาดตระเวนร่วมกันในทะเลจีนใต้ ซึ่งฟิลิปปินส์มีข้อพิพาทกับจีน ผู้นำฟิลิปปินส์ยังมีแผนพบกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่นในเร็วๆ นี้ โดยหลังจากประธานาธิบดีมาร์กอส จูเนียร์ เข้ารับตำแหน่ง ก็ได้รื้อฟื้นข้อตกลงความร่วมมือด้านการทหาร ( EDCA ) ซึ่งอนุญาตให้สหรัฐฯ ส่งทหารมาประจำการที่ฐานทัพ 5 แห่งในฟิลิปปินส์

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีมาร์กอสก็เพิ่งเยือนจีนในเดือนนี้ (ม.ค.) และมุ่งมั่นยกระดับความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างกัน นายหลี่ มองว่า ฟิลิปปินส์ในฐานะชาติอาเซียนกำลังตกที่นั่งลำบากในการตัดสินใจใดๆ เพื่อให้ทุกฝ่ายพอใจ แต่ถึงกระนั้น ฟิลิปปินส์ก็ควรตระหนักถึงยุทธศาสตร์ที่สหรัฐฯ หลอกใช้ อีกทั้งฟิลิปปินส์ยังมีอนาคตอยู่ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก มิใช่เป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่งของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์เป็นชาติเพื่อนบ้านทางทะเลกับจีน และมีจีนเป็นชาติคู่ค้ารายใหญ่สุดติดต่อกัน 6 ปี จนถึงสิ้นปี 2564 โดยกระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า ระหว่างเดือนม.ค.-พ.ย.2565 มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 80,410 ล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3 จากปีก่อนหน้า



กำลังโหลดความคิดเห็น