xs
xsm
sm
md
lg

เทศกาลตรุษจีนในสหรัฐฯ ความนิยมลดลง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผลสำรวจของบริษัทด้านข้อมูล แพตเทิร์น ชี้ การฉลองเทศกาลตรุษจีนในสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้วได้รับความนิยมลดน้อยลง สะท้อนให้เห็นได้จากการใช้จ่ายซื้อสินค้าสำหรับงานเทศกาลที่ตกฮวบ

แม้สินค้าสำหรับการฉลองตามประเพณียังคงทำยอดขายเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลเมื่อปี 2565 เช่น อาหารประเภทเกี๊ยว ขนมหวาน ชา และเครื่องประดับตกแต่ง แต่เมื่อเทียบกับปี 2564 แล้ว จะเห็นว่าลดลงราวฟ้ากับเหว โดยเครื่องประดับตกแต่งแบบจีนมียอดขายลดลง 73% ชาจีนและต้นไผ่ปลูกในอาคารลดลง 23% ต้นใบเงิน (Money plants) ลดลง 12% เกี๊ยวลดลง 7% ส่วนลูกกวาดและช็อกโกแลตลดลง 2%

นับเป็นยอดขายซึ่งสวนทางกับยอดขายที่เติบโตในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2563-2564 โดยในช่วง 2 ปีนั้น ยอดขายพุ่งขึ้นดังนี้ เกี๊ยว 310% เครื่องประดับตกแต่งแบบจีน 258% ชาจีน 54% ต้นใบเงิน 29% ต้นไผ่ปลูกในอาคาร 12% ลูกกวาดและช็อกโกแลต 14%

ชายผู้หนึ่งหนีบธงชาติสหรัฐฯ และจีนมาด้วยในงานฉลองตรุษจีนที่ไชน่าทาวน์ในนครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 12 ก.พ.2564 - แฟ้มภาพเอเอฟพี
ดัลลิน แฮตช์ ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลของแพตเทิร์น ระบุว่า เทศกาลตรุษจีนเสื่อมความนิยมบนแดนลุงแซมเกิดจากหลายสาเหตุ แต่สาเหตุที่สำคัญ 2 ประการได้แก่ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ยกตัวอย่างความขัดแย้งกรณี “ติ๊กต็อก” แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ของไบต์แดนซ์ บริษัทสัญชาติจีน ซึ่งถูกทางการสหรัฐฯ ตรวจสอบ และผู้คนบางส่วนกำลังมีการรณรงค์ให้ขับออกนอกประเทศไปเลย จากที่มีการประกาศห้ามใช้แอปพลิเคชันนี้ในหน่วยงานของรัฐบาล และภายในบริเวณของมหาวิทยาลัยบางแห่งอยู่แล้วในปัจจุบัน

สาเหตุประการที่ 2 ได้แก่ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งจีนถูกกล่าวหาว่า เป็นต้นตอการแพร่ระบาด ซึ่งยังนำไปสู่การก่ออาชญากรรมจากความเกลียดชังต่อคนเชื้อสายเอเชียในประเทศเพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยในทันทีที่โควิด-19 เริ่มระบาด สำนักวิจัยพิว ได้ทำการสำรวจ และพบว่า เกิดทัศนคติในแง่ลบต่อจีนพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในหลายประเทศ

ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งซึ่งทำให้เทศกาลตรุษจีนได้รับความนิยมน้อยลง เป็นเพราะนักศึกษาชาวจีนในสหรัฐฯ ที่มีจำนวนลดลงนั่นเอง โดยช่วงครึ่งแรกของปี 2565 การออกวีซ่านักเรียนนักศึกษาให้พลเมืองจีนลดลงกว่า 50% จากช่วงก่อนหน้าโควิด-19 ระบาด ขณะที่รัฐบาลจีนได้มีการจำกัดการเดินทางของพลเมืองภายใต้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ในช่วงดังกล่าวเช่นกัน โดยนักเรียนนักศึกษาจีนเคยเป็นนักศึกษาต่างชาติกลุ่มใหญ่ที่สุด หรือ 35% ของนักเรียนนักศึกษาต่างชาติทั้งหมดในสหรัฐฯ ก่อนหน้าการแพร่ระบาด

ข้อมูลจาก "Chinese New Year in the US has taken a dip in popularity" ใน Quartz



กำลังโหลดความคิดเห็น