โดย ร่มฉัตร จันทรานุกูล
หลังจากจีนค่อยๆ ผ่อนปรนนโยบายโควิด-19 จนยกเลิกข้อจำกัดทั้งหมด ทำให้ประชาชนจีนเริ่มเดินทางข้ามเมือง ข้ามมณฑลกันอย่างอิสระโดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีการถูกกักตัว หรือมีข้อจำกัดด้านการป้องกันโรคโควิด-19 หรือไม่ อย่างเช่นล่าสุด มาตรการยกเลิกการกักตัวสำหรับผู้ที่เดินทางเข้าจีนแผ่นดินใหญ่หลังวันที่ 8 ม.ค. ถือว่าเป็นก้าวที่ใหญ่ของจีนในด้านการเปิดประเทศ โดยผู้ที่เดินทางเข้าจีนแผ่นดินใหญ่หลังวันที่ 8 ม.ค.เป็นต้นไปจะต้องมีผลตรวจโควิดแบบ RT-PCR ที่ต้องมีผลเป็นลบภายใน 48 ชั่วโมงเท่านั้น และก่อนการขึ้นเครื่องบินก็ไม่ต้องขอโค้ดสุขภาพเขียวจากสถานทูตจีนอีกต่อไป
เพราะจีนได้ยกเลิกการตรวจโควิดแบบปูพรมไปแล้วตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค. ไม่มีการนับสถิติผู้ป่วยทำให้เราไม่สามารถทราบอย่างแน่ชัดว่าตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 รายวันของจีนเพิ่มขึ้นเท่าใด บ้างก็บอกว่าหลักแสน บ้างก็ว่าหลักล้านคนต่อวัน แต่เมื่อไม่นานมานี้ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดจีนได้ออกมากล่าวกับสื่อว่า “การระบาดของโควิด-19ในจีนได้ผ่านช่วงพีกที่สุดมาแล้ว และไม่มีความกังวลว่าการเดินทางเคลื่อนย้ายของผู้คนในช่วงตรุษจีนจะเกิดการระบาดของโรคหนัก”
ผู้เขียนเองเห็นว่าก็น่าจะเป็นเช่นนั้น โดยสังเกตจากการออกจากบ้านทำกิจกรรมของผู้คนมีมากขึ้น จำนวนผู้โดยสารในรถไฟฟ้าและรถยนต์สาธารณะมีเพิ่มมากขึ้น และช่วงวันหยุดปีใหม่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา ห้างหลายแห่งคนไปเดินแน่นขนัด โดยผู้คนที่ออกมาใช้ชีวิตปกติ ในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่คือกลุ่มคนที่ติดโควิดและหายดีแล้ว
หลายสื่อจีนรายงานว่า บรรยากาศความคึกคักและการใช้จ่ายของประชาชนเริ่มกลับมา โดยสื่อของรัฐบาลจีนอย่าง CCTV ก็ยังได้กล่าวถึงงานหลักและงานแรกของรัฐบาลในจีนในปีนี้คือการฟื้นฟูและกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศหลังจากซบเซามากว่า 3 ปี โดยทางกระทรวงพาณิชย์จีนได้ติดตามยอดการใช้จ่ายของประชาชนหลังการผ่อนปรนนโยบายโควิด เช่น ในเทศกาลการจ่ายปีใหม่ 2023 ในแพลตฟอร์มออนไลน์ทุกแห่งระหว่างวันที่ 1-5 ม.ค. มียอดขายรวมถึง 208,000 ล้านหยวน เพิ่มมากขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.7% ห้าง ร้านค้า และร้านอาหารกลับมาเปิดปกติ ทำให้ชีวิตประชาชนเริ่มที่จะกลับมาเหมือนก่อนช่วงโควิด-19
ในปักกิ่งและอีกหลายเมืองที่ถนนการค้าซบเซามา 3 ปี เริ่มกลับมาคึกคัก โรงภาพยนตร์เปิดฉายปกติและไม่จำกัดการขายตั๋วอีกต่อไป ทำให้การออกไปดูหนังที่โรงภาพยนตร์กลับมาคึกคัก จากสถิติการขายตั๋วหนังของโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศจีนในช่วงวันหยุดปีใหม่ 3 วันมียอดขายทั้งหมด 5,500 ล้านหยวน และโรงภาพยนตร์กลับมาให้บริการกว่า 85% แล้ว ร้านอาหารและฟิตเนสประเภทที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมงก็กลับมาเปิดเหมือนเดิมอีกครั้ง ร้านเหล้า ร้านคาราโอเกะกลับมาคึกคัก
สถานที่เที่ยวสำคัญของปักกิ่งแห่งหนึ่งอย่าง “Universal Studio” ที่ทำท่าจะร่อแร่จากมาตรการควบคุมโควิด-19 ที่เข้มข้นมาหลายปี เริ่มจะลืมตาอ้าปากได้ คนจีนเริ่มซื้อตั๋วเข้าไปเที่ยว โดยจากแอปเหมยถวน รายงานถึงตัวเลขการจองตั๋วเข้า Universal Studio ผ่านแอปในเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 68% โดยทางกรมการค้าของปักกิ่งยังได้เก็บข้อมูลและตัวเลขการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงวันหยุดปีใหม่ 3 วันที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนปักกิ่งกลับมาใช้จ่ายเทียบกับก่อนโควิดฟื้นฟูขึ้นมาประมาณ 80% แล้ว และในช่วงของเทศกาลตรุษจีนที่จะมาถึงรัฐบาลปักกิ่งจะมีการออกบัตรกำนัลแทนเงินสดออนไลน์ให้ประชาชนเพื่อเอาไปจับจ่ายใช้สอยอีกด้วย
ช่วงที่ผ่านมารัฐบาลท้องถิ่นหลายเมืองนำเอา “การกระตุ้นใช้จ่ายภายใน” ยกขึ้นมาเป็นเป้าหมายหลัก จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ดูไม่ค่อยสู้ดี ภาคการส่งออกได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก นักเศรษฐศาสตร์จีนได้ออกความเห็นเพิ่มเติมในประเด็นเศรษฐกิจโลกของปีนี้ว่าอุปทานของโลกจะยังคงขึ้นๆ ลงๆ แต่มีแนวโน้มที่จะซบเซามากกว่า ในขณะที่จีนยังมีพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ดังนั้น ความหวังของการขับเคลื่อนที่สำคัญคือการใช้จ่ายของประชาชนจีนในประเทศ ทางรัฐบาลและเอกชนจีนหวังว่าในปีนี้การใช้จ่ายภายในประเทศจะฟื้นฟูขึ้นมาได้จนเข้าสู่ภาวะปกติ
ตั้งแต่ ธ.ค.ปีที่แล้ว รัฐบาลจีนได้มีเอกสารสำคัญ 2 ฉบับ ได้แก่ "โครงร่างการวางแผนเชิงกลยุทธ์เพื่อการขยายตัวของอุปสงค์ในประเทศ (2022-2035)" และ "แผนการดำเนินงานสำหรับยุทธศาสตร์การขยายอุปสงค์ในประเทศ" โดยเนื้อหาสำคัญโดยย่อมีดังต่อไปนี้
- ยกระดับอุตสาหกรรมในด้านต่างๆ เพื่อให้สินค้าในประเทศมีคุณภาพมากขึ้น ทำให้ประสบการณ์การใช้จ่ายของประชาชนในประเทศดีขึ้นและเพิ่มขึ้น
- ระบบของตลาดมีการแข่งขันที่เท่าเทียม การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาต้องเข้มข้นขึ้น ตรงนี้แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลจีนยังคงต้องป้องกันเรื่องการผูกขาดในตลาดและปัญหาการก๊อบปี้ ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาต้องได้รับการแก้ไขอย่างเป็นระบบ
- ยกระดับการร่วมมือกับต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน ยุทธศาสตร์การร่วมมือระหว่างภูมิภาคต้องใช้ประโยชน์จากนโยบายและการเชื่อมต่อที่มีอยู่ให้มากที่สุด ในอนาคตค้าของจีนกับประเทศเพื่อนบ้านจะค้าง่ายขายคล่องมากขึ้น ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายให้คนในประเทศ เศรษฐกิจจีนและประเทศเพื่อนบ้านจะกลับมาคึกคักมากยิ่งขึ้น
- ให้กลุ่มคนจีนที่มีเงินใช้จ่ายในประเทศมากขึ้น โดยรัฐบาลจีนมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจสินค้าปลอดภาษีในประเทศ อย่างที่เราเห็นร้านค้าปลอดภาษีที่เกาะไหหลำ พัฒนาอย่างก้าวกระโดดในช่วงโควิด-19 เพราะข้อจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ ทำให้กลุ่มคนจีนที่มีเงินเดินทางไปชอปปิ้งซื้อสินค้าแบรนด์เนมกันที่เกาะไหหลำ เงินก็หมุนเวียนอยู่ในจีน อีกประเด็นหนึ่งคือ รัฐบาลจีนกำลังสนับสนุนเอกชนจีนพัฒนาสินค้าและแบรนด์เข้าสู่ตลาดโลกและเจาะกลุ่มตลาดคนที่มีเงินทั่วโลก
การวิเคราะห์และคาดการณ์สถานการณ์เศรษฐกิจของจีนในปี 2023 คาดการณ์ว่าการเติบโต GDP จะอยู่ที่ประมาณ 5.1% ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มการฟื้นตัวที่ชัดเจน และในปีนี้จีนจะครบรอบ 45 ปีของการปฏิรูปเปิดประเทศ พร้อมกันกับแนวคิดการร่วมมือ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" จะครบรอบก้าวเข้าสู่ปีที่ 10 การประชุมสุดยอดความร่วมมือระหว่างประเทศ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" ครั้งที่ 3 มีแผนจะจัดการประชุมขึ้นในจีนในปีนี้ จากการที่จีนเริ่มผ่อนปรนด้านโควิด-19 และเปิดประเทศฟื้นฟูเศรษฐกิจ เป็นสิ่งที่คนทั้งโลกคาดหวังเช่นกัน เพราะการเติบโตของจีนจะมีโอกาสทางธุรกิจเกิดขึ้นมากมายนั่นเอง
การฟื้นฟูเศรษฐกิจของจีนจะมาพร้อมกับการใช้จ่ายของประชาชนอย่างแน่นอน และไม่เพียงแค่การใช้จ่ายในประเทศจีนจะได้รับการกระตุ้น การใช้จ่ายของประชาชนจีนในต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน เพื่อนคนจีนของผู้เขียนบอกว่า “หากว่าประเทศไหนเปิดรับนักท่องเที่ยวจีนแบบไร้ข้อจำกัดรับรองว่าจะรับเงินมหาศาลแน่นอน คนจีนจะเที่ยวล้างแค้นกัน” และประเด็นสุดท้ายคือ นักท่องเที่ยวจีนกำลังจะกลับมาทำให้การท่องเที่ยวไทยบูมอีกครั้งอย่างแน่นอน ปริมาณนักท่องเที่ยวจีนอาจจะมากขึ้นกว่าเดิมอีก คนจีนจะเน้นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพกันมากขึ้น นักท่องเที่ยวจีนกลุ่มคนรุ่นใหม่และวัยทำงานนิยมมาเที่ยวเองมากขึ้น และนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะศึกษามาเยอะ ถูกหลอกได้ยาก และภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยโดยเฉพาะคอนโดมิเนียมอาจจะได้รับอานิสงส์ และกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งจากกลุ่มคนจีนแผ่นดินใหญ่