xs
xsm
sm
md
lg

รอไตรมาส 2 นักท่องเที่ยวจีนตรึม ไทยแลนด์ยังเนื้อหอม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สิงคโปร์เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งของชาวจีน จากข้อมูลของ Trip.com Group
นักวิเคราะห์คาด ชาวจีนจะเที่ยวต่างประเทศคึกคักช่วงไตรมาส 2 ของปี 2566 โดยเลือกเที่ยวใกล้ๆ ไม่ไกลบ้าน หนุนให้การท่องเที่ยวระดับภูมิภาคฟื้นตัวก่อนใคร และไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งที่ยังคงมีเสน่ห์ดึงดูดใจ

จากข้อมูลใน ทริปด็อตคอมกรุ๊ป (Trip.com Group) การจองตั๋วเที่ยวบินขาออกของจีนพุ่งสูง 254% ในช่วงปลายเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากรัฐบาลปักกิ่งมีการประกาศว่าจะผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการเดินทางในวันที่ 8 ม.ค. เพียงหนึ่งวัน

เวนดี้ หมิน (Wendy Min) หัวหน้าฝ่ายการสื่อสารของทริปด็อตคอมกรุ๊ป มองแนวโน้มอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวนับจากนี้ในแง่บวก โดยจากข้อมูลการจองตั๋วของทริปด็อตคอมกรุ๊ป พบว่า ประเทศยอดนิยมที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวจากจีนในขณะนี้ได้แก่ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ฮ่องกง ญี่ปุ่น และไทย จุดหมายปลายทางเหล่านี้เป็นการเดินทางระยะใกล้ ซึ่งค่าเดินทางถูกกว่า ส่วนจุดหมายปลายทางระยะไกลยอดนิยมได้แก่สหรัฐฯ อังกฤษ และออสเตรเลีย

ด้วยค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า และไปง่ายกว่าดังกล่าว ดร.วูล์ฟกัง จอร์จ อาร์ลต์ (Dr.Wolfgang Georg Arlt) ซีอีโอของสถาบันวิจัยการท่องเที่ยวขาออกแห่งประเทศจีน (COTRI) จึงเชื่อว่า การท่องเที่ยวระดับภูมิภาคจะฟื้นตัวก่อนใคร โดยการเดินทางส่วนใหญ่ช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 ยังไม่ใช่การเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน แต่เป็นการเดินทางไปทำธุรกิจ การกลับไปพบหน้าครอบครัว การเดินทางเพื่อการศึกษา หรือเพื่อการรักษาทางการแพทย์

สำหรับช่วงไตรมาสที่ 2 จะเห็นนักท่องเที่ยวจากจีนมากขึ้นในราวเดือน เม.ย. เมื่อขั้นตอนการขอหนังสือเดินทางและวีซ่าดำเนินไปอย่างราบรื่น อีกทั้งสายการบินกลับมาให้บริการเที่ยวบินได้เต็มที่ ดร.อาร์ลต์ มองว่า การปิดประเทศนาน 3 ปี ทำให้ชาวจีนบางส่วนรู้สึกหวาดกลัวโลกภายนอก เช่น การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มียอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตสูงในสหรัฐฯ และอังกฤษ รวมทั้งเรื่องความปลอดภัยในการเดินทาง จึงรอพวกนักท่องเที่ยว “บุกเบิก” กลับมาเล่าเรื่องราวให้ฟังก่อนตัดสินใจ ซึ่งเขาคาดว่า ชาวจีนจำนวนมากจะเลือกมาพักผ่อนสุดสัปดาห์ตามรีสอร์ตชายหาดในเวียดนาม ไทย และกัมพูชา นอกจากนั้น การทำกิจกรรมยามว่างที่ชื่นชอบยังเป็นอีกจุดประสงค์หนึ่งของการไปเที่ยวต่างประเทศ เช่น การปั่นจักรยานเสือภูเขา การเดินป่า การชิมไวน์ การทำอาหาร

เซียนนา พารูลิส-คุก (Sienna Parulis-Cook) ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการสื่อสารของดรากอนเทรลอินเตอร์เนชั่นแนล (Dragon Trail International ) ซึ่งเป็นบริษัทการตลาดออนไลน์เชื่อว่า ชายหาดมัลดีฟส์จะกลับมาฟื้นตัวด้านธุรกิจท่องเที่ยวอย่างรวดเร็วในปี 2566 จากกลุ่มลูกค้าคนจีนร่ำรวย

จากข้อมูลขององค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาติ (UNWTO) ก่อนหน้าการแพร่ระบาดของโควิด-19 จีนเป็นชาติที่มีประชาชนเดินทางไปต่างประเทศ หรือเป็นตลาดท่องเที่ยวขาออกรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีชาวจีนเดินทางไปต่างประเทศมากถึง 154 ล้าน 6 แสนครั้ง และมีการใช้จ่ายเกือบ 255,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2562

COTRI คาดการณ์ว่า ภายในสิ้นปี 2566 คนจีนอาจเดินทางไปต่างประเทศมากถึง 115 ล้านครั้ง หรือฟื้นตัวราว 3 ใน 4 ของปี 2562 ซึ่งรวมทั้งการเดินทางไปเขตบริหารพิเศษฮ่องกง และเขตบริหารพิเศษมาเก๊า


พารูลิส-คุก ระบุว่า เมื่อการท่องเที่ยวของชาวจีนฟื้นตัว แหล่งท่องเที่ยวเดิมที่หลายคนเคยไปมาแล้วจะกลับมาติดอันดับยอดนิยมอีกครั้ง โดยในปี 2562 ไทยครองอันดับ 1 ชาติที่คนจีนมาเที่ยวมากที่สุดราว 11 ล้านคน หรือกว่า 1 ใน 4 ของนักเดินทางชาวจีนที่ไปต่างประเทศทั้งหมด


เมื่อดูจากสถิติการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น คนจีนไปเที่ยวแดนซากุระมากเป็นอันดับ 2 จำนวน 9 ล้าน 5 แสนคน และไปเที่ยวเวียดนาม 5 ล้าน 8 แสนคน เกาหลีใต้ราว 5 ล้าน 5 แสนคน ส่วนสิงคโปร์ 3 ล้าน 6 แสนคน


อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจีนและดรากอนเทรล ฟันธงว่า นักท่องเที่ยวจีนจะทำให้การท่องเที่ยว ซึ่งเคยซบเซาจากพิษโควิด-19 ฟื้นตัวก่อนเป็นอันดับแรกในฮ่องกง มาเก๊า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียตะวันออก เนื่องจากอยู่ใกล้จีนมากทื่สุด มีเที่ยวบินเชื่อมโยงการเดินทางมากที่สุด อีกทั้งน่าจะปลอดภัยและเดินทางไปง่ายที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวนอกประเทศครั้งแรกหลังจากโควิด-19 ระบาด

อย่างไรก็ตาม ดร.อาร์ลต์ ชี้ว่า ประเทศท่องเที่ยวเกิดใหม่กำลังดึงดูดใจชาวจีนมากขึ้นเช่นกันอย่างแอลเบเนีย หรือจอร์เจีย ด้วยภูมิประเทศขุนเขา ชายทะเลที่สวยงาม มีมรดกทางวัฒนธรรมและหมู่บ้านเก่าแก่หลายร้อยปี

หมินแห่งทริปด็อตคอมกรุ๊ปเปิดเผยว่า เธอมีแผนแบกเป้เที่ยวคนเดียว เพื่อสำรวจประสบการณ์แปลกใหม่ในไซปรัส โอมาน อิรัก รวันดา มาดากัสการ์ และนามิเบียในปี 2566 ส่วนชาติในภูมิภาคอเมริกากลางเธอก็กำลังเล็งๆ อยู่เช่นกัน


อีกเทรนด์หนึ่งซึ่งเริ่มสังเกตเห็นได้ก็คือ นักท่องเที่ยวจีนหันมานิยมเที่ยวเป็นกลุ่มเล็กๆ ตามลำพังมากขึ้นจากเดิมที่มาเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ขนาดใหญ่ อีกทั้งนักท่องเที่ยวรุ่นหนุ่มสาวยังสนใจการท่องเที่ยวอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การท่องเที่ยวแบบแคมปิ้ง หรือแบบแกลมปิ้ง (Glamping) ซึ่งกางเต็นต์หรูหราท่ามกลางธรรมชาติ กำลังกลายเป็นกระแสความนิยมที่พูดถึงกันในโลกโซเชียลของจีน

ด้วยเหตุนี้ พารูลิส-คุกจึงไม่แปลกใจเลย หากคนจีนจะมาเที่ยวแบบแกลมปิ้งในสถานที่อย่างญี่ปุ่นหรือไทย ซึ่งเจ้าของสถานที่ในท้องถิ่นกำลังมีการโฆษณาให้ชาวเน็ตในสื่อสังคมออนไลน์ของจีนกันแล้ว


ข้อมูลจาก "Where are Chinese travelers heading now that borders have reopened?" ในซีเอ็นเอ็น



กำลังโหลดความคิดเห็น