การยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์อย่างกะทันหันของรัฐบาลจีนอาจกลับกลายเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเศรษฐกิจแดนมังกรในปีหน้า
การผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ของรัฐบาลจีน ซึ่งรวมทั้งการประกาศยกเลิกการกักตัวผู้เดินทางเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2566 นั้น เกิดขึ้นปุบปับและเป็นไปในเชิงรุกเหนือคาดสำหรับภาคธุรกิจและนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ซ้ำเติมแนวโน้มการเติบโตที่เปราะบางอยู่แล้วให้มีความไม่แน่นอนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า การเปิดประเทศเร็วขึ้นจะทำให้ระยะเวลาที่เศรษฐกิจชะงักงันสั้นลง โดยถึงแม้จำนวนผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงรวดเร็วอาจส่งผลให้เศรษฐกิจหยุดชะงักในไตรมาสแรกของปี 2566 ราวๆ เทศกาลตรุษจีน ซึ่งการผลิตมักชะลอลงตามปกติอยู่แล้ว ทว่าขณะเดียวกันมีความเป็นไปได้ว่า การเติบโตของเศรษฐกิจจีนจะดีดกลับอย่างแข็งแกร่งขึ้นและเร็วกว่าที่เคยมีการคาดการณ์กัน
ในบันทึกเมื่อวันอังคาร (27 ธ.ค.) ของนายอี้ว์ เซียงหรง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ด้านเศรษฐกิจและนโยบายจีนแห่งซิตี้กรุ๊ป อิงก์ ดูเหมือนว่า รัฐบาลจีนจะดำเนินวิธีการ เพื่อให้คลื่นการติดเชื้อลูกใหญ่ผ่านพ้นไปโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“การเปลี่ยนแปลงนโยบายฉับไวก็เพื่อปูทางให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวอย่างเต็มที่นั่นเอง” นายอี้ว์ กล่าว
เขายังมองว่า ผลกระทบของโควิด-19 ต่อการเติบโตรายปีในปีหน้า “อาจน้อยกว่า” ที่คาดการณ์กันก่อนหน้า โดยเมื่อเริ่มปีใหม่ จะเห็นการเดินทางของประชาชนและธุรกิจภาคบริการฟื้นตัวเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ ส่วนยอดค้าปลีกจะโตราว 11% ถึงราว 50 ล้านล้านหยวน (7.2 ล้านล้านดอลลาร์) ในปีหน้า
นายแกรี อึ้ง (Gary Ng) นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของนาติซิส เอสเอ (Natixis SA) มองว่า การเปลี่ยนแปลงนโยบายจะก่อความเจ็บปวดในระยะสั้น แต่จะส่งผลดีในระยะยาวแก่เศรษฐกิจจีน ซึ่งจะฟื้นตัวตามวัฏจักรอย่างแข็งแกร่ง นับจากเดือน เม.ย.2566 เป็นต้นไป
นโยบายโควิดเป็นศูนย์ที่ถูกยกเลิกอย่างกะทันหันเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน ทำให้เหล่านักวิเคราะห์หันมาให้ความสำคัญกับการคาดการณ์เศรษฐกิจจีนโตในปี 2566
จากผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยบลูมเบิร์ก ค่ามัธยฐานของการประเมินการเติบโตในปี 2565 ลดลงมาอยู่ที่ 3% และดีดกลับขึ้นมาถึง 4.9% ในปี 2566 การเปิดประเทศเร็วขึ้นอาจหนุนให้เศรษฐกิจตลอดทั้งปีขยายตัวถึง 6.3% จากที่เคยคาดการณ์ 5.1%
จีนเปิดประเทศย่อมส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโลก เช่น ภาคการท่องเที่ยว และอาจช่วยผ่อนคลายปัญหาห่วงโซ่อุปทาน แต่เมื่อเศรษฐกิจโตเร็วขึ้นก็ย่อมหมายถึงความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ที่มากขึ้น อันเป็นการสวนทางกับความคาดหวังให้อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกชะลอลง
นอกจากนั้น เศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้า ซึ่งจะส่งผลให้การเติบโตในภาคการส่งออกของจีนลดลงตามด้วยเช่นกัน
ด้านท่าทีของบริษัทต่างชาตินั้นยังไม่ผลีผลามลงทุนใดๆ หรือวางแผนเกี่ยวกับทีมงานในจีนตอนนี้ นายโนอาห์ เฟรเซอร์ กรรมการผู้จัดการสภาธุรกิจแคนาดา-จีน ระบุว่า ความเชื่อมั่นของบริษัทต่างชาติที่มีต่อจีนยังอยู่ในระดับอ่อนแอมากขณะนี้ หลังจากจีนปิดประเทศมา 3 ปี และต้องใช้เวลาสร้างความเชื่อมั่นขึ้นมาใหม่
นายเยิร์ก วุตต์เคอ (Joerg Wuttke) ประธานหอการค้าสหภาพยุโรป ระบุว่า ขณะนี้จีนกำลังเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการจัดการกับโควิด-19 แพร่ระบาด ภาคธุรกิจจึงน่าจะรอดูสถานการณ์อีกสักพักในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่จะมาถึง ก่อนตัดสินใจการลงทุนระยะยาวต่อไป
ข้อมูลจาก "China Economy Faces Bleak Few Months, Faster Rebound Next Year" ในบลูมเบิร์ก