โดย ร่มฉัตร จันทรานุกูล
เรื่องของสถานการณ์โควิด-19 ในจีนยังเป็นที่สนใจอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงล็อกดาวน์อย่างเข้มงวด ไปจนถึงการเริ่มต่อต้านนโยบายโควิดเป็นศูนย์ในประเทศ ขณะนี้ประเทศจีนได้เริ่มทยอยผ่อนปรนมาตรการควบคุมโควิดอย่างรวดเร็ว และได้อยู่ร่วมกับโควิด-19 กันอย่างทั่วหน้า สำหรับตัวผู้เขียนเองมีประสบการณ์กับนโยบายโควิด-19 ในจีน ตั้งแต่ช่วงที่เข้มที่สุดจนถึงช่วงที่ผ่อนปรนมากที่สุด โดยการเปลี่ยนนโยบายของจีนทุกครั้งเป็นไปอย่างรวดเร็วแบบ “แทบไม่ทันตั้งตัว”
ในรอบนี้ก็เช่นเดียวกัน ประชาชนจีนและชาวต่างชาติที่ใช้ชีวิตอยู่ในจีนไม่ได้เห็นสัญญาณที่ชัดเจนนักว่าจะมีการผ่อนปรนมาตรการการป้องกันโควิด-19 มากขนาดนี้ สถานการณ์หลังจากการผ่อนปรนนโยบายคุมเข้มโควิด-19 ปักกิ่งเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างหนัก และสถานการณ์จริงดูเหมือนจะสวนทางกับตัวเลขผู้ป่วยรายวันที่ทางการได้ออกประกาศ โดยจำนวนผู้มีเชื้อโควิด-19 ที่ไม่มีอาการและมีอาการมีแนวโน้มลดลง ตัวเลขผู้ป่วยใหม่รายวันในเมืองปักกิ่งหลักร้อยต้นๆ ในขณะที่ภาคประชาชนทั่วไปพบการระบาดในคนรอบข้างมากขึ้น บางข่าวลือกล่าวกันว่า ตัวเลขจริงของผู้ป่วยโควิดในปักกิ่งรายวันน่าจะอยู่ราวๆ วันละ 100,000 คนเพราะคนติดโควิดจำนวนมากเจอเชื้อด้วยการตรวจ ATK กินยาเองรักษาตัวอยู่บ้านและไม่ได้รายงานต่อหน่วยงานรัฐประจำท้องที่ ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีจำนวยนมหาศาล และไม่รวมอยู่ในสถิติที่ทางการประกาศ
มีการพูดกันติดตลกว่า “เปิดปุ๊บติดปั๊บ” กล่าวคือเมื่อเริ่มผ่อนปรนนโยบาย ผู้คนติดโควิด-19 กันเป็นแพทันที หลังจากประกาศใช้อย่างกะทันหันของนโยบายการผ่อนปรนใหม่ 10 ประการ (นโยบายผ่อนปรนใหม่ 10 ประการนี้มีการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ข้อหนึ่งคือ ผู้ติดเชื้ออาการเบาและไม่มีอาการกินยารักษาอยู่บ้านได้เอง สำหรับปักกิ่งผู้ติดเชื้อไม่ต้องรายงานต่อสำนักงานสาธารณสุขประจำเขตที่ตนเองพักอาศัยอีกต่อไป) พร้อมกับการระบาดที่เริ่มเป็นวงกว้าง เพราะที่ผ่านมา จุดตรวจ RT-PCR จะใช้วิธีเก็บตัวอย่างคนที่มาตรวจ 10 คนในหลอดเดียวกัน วิธีนี้ประหยัดงบและลดปริมาณหลอดที่จะเอาไปเข้าห้องแล็บ หลังๆ มาเริ่มเจอหลอดที่มีปัญหามากขึ้น (พบผลเป็นบวกมากขึ้น) ทำให้การรายงานผลตรวจในโค้ดสุขภาพของประชาชนเริ่มช้าลง และความเสี่ยงมีมากขึ้น เพราะหากหลอดที่มีตัวอย่างของตนเองเจอปัญหาพบผลบวก ในหลอดที่มีปัญหาทั้ง 10 คนจะถูกเรียกให้มาตรวจซ้ำใหม่รายคนอีก
และหลังผ่อนปรนประชาชนหลายคนไม่ไปต่อแถวตรวจ RT-PCR อีกต่อไป เพราะการขึ้นรถสาธารณะและการเข้าตึกสำนักงาน เข้าห้างต่างๆ ยกเลิกการดูผลตรวจโควิดภายใน 48-72 ชั่วโมงแล้ว (เว้นแต่การเข้ากินอาหารยังต้องขอดูผลตรวจโควิดภายใน 48 ชั่วโมงอยู่)
ผู้คนเริ่มพบว่าคนรอบตัวมีคนติดโควิดกันมากขึ้นอย่างชัดเจน มองไปทางไหนเจอแต่คนไม่สบาย มีไข้ โซเชียลจีนเองเริ่มมีการแชร์ประสบการณ์ติดโควิดมากขึ้นเรื่อยๆ ข่าวทางการจีนเริ่มนำเสนอข่าวเมื่อติดโควิดแล้วจะรักษาตัวกินยาที่บ้านได้อย่างไร สำหรับผู้เขียนเองเพื่อนที่รู้จักกันก็ทยอยติดโควิดเยอะขึ้น บางคนก็แชร์ผล ATK ของตัวเองที่เป็นบวกเปิดเผยลงในโซเชียลโดยไม่มีความกังวลใดๆ ทำให้ดูเหมือนว่าตอนนี้คนจีนที่ติดโควิดจะดูโล่งใจด้วยซ้ำ! เหตุผลเพราะ “早得早解脱” อ่านว่า จ่าวเต๋อจ่าวเจี่ยทัว แปลว่า ติดเร็วจะได้ปลดปล่อยได้เร็ว ติดแล้วหายแล้วจะได้ใช้ชีวิตปกติสุขสักที ไม่ต้องมานั่งหวาดกลัวเหมือนแต่ก่อน
ผู้เขียนขอยกตัวอย่างสถานการณ์จริงในปักกิ่ง เมื่อสถานการณ์การระบาดในภาคประชาชนปะทุขึ้น ผู้คนเริ่มแตกตื่นหาซื้อตุนยาแก้หวัด ยาลดไข้ และชุดตรวจ ATK จนทำให้เวชภัณฑ์พวกนี้ขาดตลาดแบบฉับพลัน ร้านขายยาหลายร้านในปิดช่องทางขายออนไลน์เพราะออเดอร์ล้น การเดินไปซื้อที่ร้านขายยาส่วนใหญ่ไม่มีของแล้ว ทำให้ชาวปักกิ่งต้องพยายามหาซื้อยาออนไลน์ข้ามเมืองข้ามมณฑล แต่ก็ใช่ว่าจะได้รับของอย่างรวดเร็วสมใจนึกเพราะขณะนี้จากผลกระทบโควิด-19 การขนส่งทั่วประเทศ โลจิสติกส์มีความล่าช้าอย่างมาก เช่น ผู้เขียนสั่งซื้อชุดตรวจ ATK ล่วงเลยมา 5 วันแล้ว ของยังไม่เริ่มจัดส่ง ในส่วนของ ATK มียอดการสั่งซื้อพุ่งสูงขึ้นมากกว่า 300% ทั่วประเทศ ในเมืองปักกิ่งยังประสบปัญหาการจัดส่งสินค้าอุปโภคบริโภคและอาหารเดลิเวอรีออนไลน์ที่ล่าช้ากว่าปกติเพราะผลกระทบจากโควิด ทำให้จำนวนเดลิเวอรีแมนที่ออกมาให้บริการมีจำกัด
ในกลุ่มแชตต่างๆ เริ่มมีการแชร์ภาพผู้คนต่อแถวที่คลินิกตรวจไข้ของโรงพยาบาลหลายแห่งอย่างล้นหลาม ทุกโรงพยาบาลในจีนจะมีคลินิกตรวจไข้ (发热门诊:Fever Clinic ) โดยมักจะเป็นตึกที่แยกออกมาเพื่อไม่ให้ไปปะปนกับผู้ป่วยทั่วไปในตึกหลัก โรงพยาบาลปักกิ่งบางที่ต้องรอคิวพบหมอนานถึง 6 ชั่วโมง และยังมีคลิปเสียงหลุดของหมอในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่โทร.คุยกับผู้ใหญ่ที่บ้านว่าให้ระวังตัวเพราะเหตุการณ์ขณะนี้รุนแรงกว่าที่คิดไว้ และมีข่าวลือที่ว่าหมอและพยาบาลในโรงพยาบาลหลายแห่งทั่วประเทศจีนติดโควิดกันไปแล้วเกือบครึ่งโรงพยาบาล
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจีนได้ออกความเห็นว่า ในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า (ช่วงก่อนหลังวันปีใหม่และวันตรุษจีนในปี 2023) จีนจะเกิดการระบาดสูงสุดและเป็นช่วงที่ท้าทายระบบสาธารณสุขจีนที่สุด ในหมู่แพทย์และพยาบาลจีนถึงกับกล่าวว่า “อีก 2 เดือนข้างหน้าจะเป็นช่วงที่มืดมนที่สุด” เพราะตัวเลขผู้ป่วยทั่วประเทศจะเพิ่มขึ้นมากที่สุด ดังนั้นสถานการณ์ขณะนี้เป็นแค่ช่วงเริ่มต้นของการระบาดระลอกแรกทันทีหลังการผ่อนปรนนโยบายโควิด-19 เท่านั้น นายแพทย์รายหนึ่งกล่าวว่า ตัวเขาเองไม่ได้หวาดกลัวกับการติดโควิด แต่ปัญหาคือเมื่อผู้ป่วยโควิดที่มาโรงพยาบาลจนล้นมือ การบริหารจัดการมักจะปั่นป่วน ทั้งผู้ป่วยและหมอพยาบาลต่างก็รีบ ต่างคนต่างร้อนรน อารมณ์ไม่ดีทั้งสองฝ่ายก็ทะเลาะกันได้ง่ายๆ และถึงแม้ว่าโรงพยาบาลบางแห่งจะเริ่มแยกตึกผู้ป่วยที่ติดโควิดและตึกผู้ป่วยปกติแล้ว แต่ระบบก็ยังไม่เข้าร่องเข้ารอย ขาดบุคลากร การบริหารยังมีความสับสนอยู่มาก
ในส่วนของปักกิ่งสายด่วนช่วยชีวิต 120 เป็นเบอร์โทร.ช่วยชีวิตฉุกเฉิน ได้รับผลกระทบจากผู้ป่วยโควิดในเมืองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกะทันหันเช่นกัน โดยตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธ.ค.เป็นต้นมา สายที่โทร.เข้าสายด่วนช่วยชีวิต 120 รายวันพุ่งเป็นวันละมากกว่า 30,000 สาย ต่างจากภาวะปกติที่จะมีสายโทร.เข้าขอความช่วยเหลือฉุกเฉินวันละราวๆ 5,000 สาย ช่วงเวลาที่พีกสุดๆไม่เคยเกิน 10,000 สายต่อ จนขนาดทางสายด่วนช่วยชีวิต 120 ต้องออกประกาศว่า “ขอร้องให้ชาวเมืองปักกิ่งที่ติดโควิดแต่มีอาการเบาหรือกลุ่มที่ติดแต่ไม่มีอาการ โปรดหยุดโทร เข้ามาขอความช่วยเหลือได้แล้ว เพราะสายที่ไม่ได้มีเคสด่วนโทร.เข้ามาแน่นอย่างต่อเนื่อง จะกระทบกับสายด่วนอื่นที่ต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉินจริงๆ” จากตรงนี้ทำให้เห็นว่า ความอลเวงในภาคประชาชนยังมีอยู่อย่างต่อเนื่องหลังจากการผ่อนปรนนโยบายโควิด-19 หลายคนยังหวาดกลัว ไม่รู้และไม่เข้าใจ อีกส่วนหนึ่งคือกลุ่มที่เข้าไม่ถึงยารักษาโรคเพราะหาซื้อกันไม่ได้ เตรียมตัวกับการเปลี่ยนแปลงกันไม่ทัน
การผ่อนปรนนโยบายโควิด-19 แบบปัจจุบันทันด่วนของจีน ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการมีแผนที่จะเริ่มผ่อนปรนอยู่แล้ว แต่มีตัวกระตุ้นหนึ่งที่ทำให้การผ่อนปรนเร็วขึ้นคือกระแสต่อต้านนโยบายที่เข้มงวดเกินไปก่อนหน้า ชาวจีนกลุ่มที่กลัวการระบาดและผลกระทบ Long Covid ยังปกป้องตัวเองกันอย่างสุดฤทธิ์ ส่วนกลุ่มที่อยากใช้ชีวิตเป็นอิสระเหมือนอย่างแต่ก่อนก็ยินดีและรอคอยกับการติดโควิด สงครามน้ำลายของทั้งสองแนวคิดผ่านโซเชียลจีนยังมีให้เห็นอยู่ไม่ลดละ ตอนนี้การทำกิจกรรมหลายอย่างและการเดินทางในจีนสะดวกขึ้น แต่ต้องแลกมากับการระบาดครั้งใหญ่และคาดว่ากำลังจะขึ้นไปสู่จุดสูงสุดอีกไม่นาน “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” น่าจะเป็นประโยคที่อธิบายชีวิตชาวจีนในขณะนี้และในอนาคตอันใกล้ได้เป็นอย่างดี และถึงแม้ว่าขณะนี้ปักกิ่งจะอยู่ร่วมกับโควิดแล้ว แต่ในหลายเขตประชาชนที่ออกมาเดินเล่น กินข้าว สังสรรค์ ยังน้อยกว่าช่วงโควิดคุมเข้มซะอีกด้วยซ้ำ